วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการผู้ปฏิบัติงานราชการ ตำแหน่งธุรการโรงเรียน ตามนโยบายการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โดยมีผู้เข้าประชุม ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล ผู้อำนวยกลุ่มบริหารการเงินและสินทรัพย์ และผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผน ณ ห้องประชุมปฏิบัติการ DOC อาคาร สพฐ. 5 ชั้น 9 กระทรวงศึกษาธิการ ควบคู่กับการประชุมผ่านระบบ ZOOM Meeting
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการกำชับการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ให้ได้รับทราบการบริหารงานบุคคลและการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กแนวใหม่ ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีโรงเรียนขนาดเล็กจำนวน 29,000 แห่ง และในจำนวนนี้มีนักเรียนที่เป็นศูนย์หรือไม่มีคนเรียน จำนวน 180 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กถูกพูดถึงมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี เช่น ปัญหาครูไม่ครบชั้น ไม่มีผู้บริหารโรงเรียน เป็นต้น แต่เรายังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเรื่องดังกล่าวยังเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ที่ต้องการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กและลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวจะมอบอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียนขนาดเล็กไปยังเขตพื้นที่การศึกษาทั้งหมด เพื่อเป็นการบรรเทาภาระครู ซึ่งจะทำให้ครูได้ทำหน้าที่หลักคือการจัดการเรียนการสอนได้อย่างแท้จริง และไม่ทำให้นักเรียนเสียโอกาสที่จะได้เรียนกับครู เพราะครูไม่ควรจะต้องทำหน้าที่อื่นนอกเหนือจากงานการสอน ไม่ว่าจะเป็นงานธุรการ งานจัดซื้อจัดจ้าง หรือแม้กระทั่งการบริหารงบอาหารกลางวัน ดังนั้น ต่อจากนี้ไปการจัดซื้อจัดจ้างและงานต่างๆ ด้านธุรการของโรงเรียนขนาดเล็กจะมอบให้เขตพื้นที่ดำเนินการแทน ซึ่งตนได้กำชับว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างโปร่งใส ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ ได้ของที่มีคุณภาพ และทำให้โรงเรียนเกิดประโยชน์มากที่สุด ทั้งนี้ เมื่ออำนาจการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียนขนาดเล็กไปอยู่ที่เขตพื้นที่แล้ว ในส่วนของอัตรากำลังของเขตพื้นที่เอง ตนได้ฝากให้สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) ไปคิดรูปแบบหรือรีเซตอัตราตำแหน่งของเขตพื้นที่ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับเนื้องานเหล่านี้ด้วย
“นอกจากนี้ ยังได้กำชับ ผอ.เขตพื้นที่ถึงการจัดทำงบประมาณปี พ.ศ. 2568 ด้วย ว่าจะต้องสำรวจโรงเรียนในสังกัดของตัวเอง โดยเฉพาะอาคารเรียนของโรงเรียนต่างๆ โดยขอให้ประสานกับวิศกรหรือนายช่างโยธาในพื้นที่ให้เข้ามาสำรวจอาคารเรียนแต่ละแห่งว่ามีสภาพอายุการใช้งานมากน้อยแค่ไหน และให้เขตพื้นที่จัดลำดับความสำคัญของอาคารเรียนที่วิกฤต นำไปจัดทำคำของบประมาณในหมวดงบซ่อมแซมอาคารสถานที่ เพื่อที่จะได้จัดสรรงบประมาณในการซ่อมแซมต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน