ในละคร เมื่อมีนางร้าย (ซึ่งส่วนมากเป็นแฟนเก่าของพระเอก) เข้ามาป้อนเปี้ยนในชีวิตรักของพระเอกกับนางเอก ไม่ว่าจะอย่างก็ตาม ในที่สุดแล้วจะต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้นางร้ายต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรมกลับไปเสมอ แม้ว่านางเอกจะสวมบทผู้เสียสละยอมยกพระเอกให้นางร้าย แต่พระเอกก็ต้องหวนกลับมาหานางเอกด้วยความรักจนได้
แต่บอกได้เลยว่าในชีวิตจริง มันไม่เหมือนในละครทุกครั้งหรอก ในชีวิตจริง ถ่านไฟเก่านั้นฤทธิ์ของมันร้อนแรงและอันตรายมากกว่าที่คิดจริงๆ และข่าวร้ายก็คือ รักเก่าสามารถทำให้บุคคลผู้นั้นไม่ยอมก้าวต่อไปข้างหน้า แถมยังทำให้ความสัมพันธ์ครั้งใหม่โกลาหลวุ่นวายไม่ราบรื่นอย่างที่ควรเป็นอีกด้วย
แต่เอาน่า นี่มันหมดยุคนางเอกเอาแต่บีบน้ำตาและสวมบทผู้เสียสละพระเอกให้นางร้ายไปครอบครองแล้วละ คุณจำเป็นต้องฉลาดกว่านั้นค่ะ เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับคุณทั้งตัวและหัวใจ อ้อ คำว่า ฉลาดกว่า ไม่ได้หมายความว่า คุณจะละบทนางเอกแล้วสวมบทนางร้ายตามประกบเขาทุกที่ประกาศให้เขารู้ว่า คุณรู้ทันเขาทุกอย่างนะคะ นั่นน่ะ ไม่ฉลาดเลย ขอบอก
ก่อนอื่น เรามาดูสัญญาณที่อาจจะบ่งบอกว่า เขากับกิ๊กยังไม่สิ้นไร้ไฟสวาทกัน ซึ่งนี่อาจจะเกิดกับบางคู่บางคนเท่านั้น ไม่ได้แปลว่า ทุกคู่ที่ผ่านการมือดีต มีแฟนเก่ามา จะต้องเป็นเช่นนี้เสมอไป
1. เขาเลิกกันแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่มีเค้าส่อแสดงมาก่อนแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่าความเจ็บปวดของเขาก็ย่อมมากกว่าปกติ เพราะอาจจะไม่มีการเตรียมตัวหรือรู้ตัวมาก่อนหน้า ฉะนั้นเมื่อเขาเจ็บปวดมาก เขาก็อาจยิ่งต้องการที่พักพิงใจมาก หรือบางทีก็เป็นการรีบหาคนใหม่เพื่อเย้ยหรือประชดอีกฝ่ายให้ยิ่งรู้สึกแย่ ซึ่งคุณอาจได้รับแจ๊กพอตจังๆ ข้อสังเกตก็คือสังเกตดูว่า เขาคิดจีบคุณจริงๆ มั้ย (เพราะต้องการที่พักพิงใจ) แต่ปราศจากความกระตือร้นอย่างที่ควรจะเป็น เขาซึมๆ เหม่อๆ ถ้าหากว่าเป็นในช่วงแรกๆ ที่เขาอกหักมา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้ามันนานเกินไป ก็ให้ตีความไปได้เลยว่า เขายังไม่ลืมเธอคนนั้นแน่นอน
2. เขาเลิกกันเพราะเรื่องขี้ปะติ๋ว ประมาณว่าเถียงกันทะเลาะกันแล้วก็ไม่พูดกันเท่านั้นเอง เขาคบกันมานาน มีโครงการร่วมกันมากมาย แต่แล้วจู่ๆ ก็เลิกรากันเสียดื้อๆ กรณีแบบนี้ให้ระวัง เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาอาจแค่ทะเลาะกันก็เลยห่างกัน แต่ยังไม่ได้เลิกกันจริงๆ จังๆ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ถ้าเป็นไปได้ ก็อย่าเพิ่งกระโดดเข้าหาด้วยความดีอกดีใจว่า เย้! ในที่สุดฟ้าก็ประทานเขามาให้ฉันแล้ว คุณควรทอดระยะในการดูเขาว่า เขาเลิกรากันจริงจังแน่ๆ แล้ว แล้วค่อยว่ากัน
3. เขาปล่อยให้เธอยังอยู่ในชีวิต ถ้าหากที่บ้านของเขายังมีของที่ระลึกหรือเครื่องเตือนความจำถึงแฟนเก่าเต็มไปหมด เช่น รูปถ่ายที่ยังวางอยู่มุมนั้นมุมนี้ของบ้าน ของใช้บางอย่างที่ยังอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง (แถมคุณแตะต้องไม่ได้อีกต่างหาก) แสดงว่าเขายังไม่ขจัดแฟนเก่าออกไปจากชีวิต (เว้นเสียแต่ว่าแฟนเก่าของเขาได้ตายจากไปแล้วจริงๆ ก็ยังหยวนๆ ได้หน่อย แต่อย่านานเกินไปนะ) แต่ถ้าแฟนเก่าของเขายังมีชีวิตอยู่นั่นเป็นสัญญาณอันตรายอย่างที่สุด ความหมายคือ เขายังทำใจไม่ได้ แถมยังไม่ยอมล้างใจตัวเองอีกต่างหาก เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่ควรล้างก็คือ คุณต้องล้างใจตัวเองไงล่ะ แล้วรีบถอยออกมาซะ ก่อนที่จะต้องเจ็บมากไปกว่านี้
4. พูดถึงเธอคนนั้นไม่หยุด ไม่ว่าจะหยิบจับหรือทำอะไร เขามักจะพูดหรืออ้างถึงแฟนเก่าตลอดเวลา ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือแง่ร้ายก็ตามที เช่น ไปทานอาหารก็มักจะบอกว่า คนรักเก่าเขาชอบทานอันนี้มากเลย และชอบทานร้านนี้มาก ไปดูหนังก็เล่นเล่าบรรยากาศตอนที่มาดูกับเธอคนนั้นให้คุณฟัง หรือไม่ก็ก่นด่าเธอแบบเสียๆ หายๆ ตลอดเวลา (ออกแนวรักซ่อนแค้น) แต่มันก็เป็นสัญญาณว่า เขายังไม่ลืมเธอแน่นอน
5. เขายังไม่จริงจังกับคุณเสียที ทั้งที่ได้เวลาที่จะจริงจังแล้ว แต่ยังแสร้งทำเป็นขอเวลา อ้างโน่นอ้างนี่ หรือบางทีก็บอกว่ายังเข็ดกับความรัก ขอเป็นเพื่อนไปก่อนแล้วกัน (แต่เวลาอยู่กับคุณมันเกินเพื่อแล้ว!) หรือไม่ก็ขอเวลาทำใจ เพื่อยื้อเราให้อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ ซึ่งกรณีนี้มีเหตุผลสองข้อคือ เขายังรอให้แฟนเก่าหวนกลับมา หรือไม่ก็เขายังมีความคิดที่จะจริงจังกับใครสักคนแต่ไม่ใช่เรา!
อย่างที่บอกว่า นั่นเป็นเพียงสมมติฐาน เรื่องเหล่านี้อาจจะไม่เกิดกับความรักของคุณ ด้วยการเอาภาพคนรักเก่าไปให้พ้นบ้าน พ้นสายตา เรียบร้อยแล้ว แต่วันดีคืนดี คนรักเก่าก็หวนกลับเข้ามาในชีวิตรักของคุณอีกครั้งคุณควรจะทำเช่นไร
1. แสดงความไว้ใจและมั่นใจในตัวเขา แม้ว่าในอกแทบจะระเบิดด้วยความระแวง คุณก็ไม่ควรแสดงออกมาให้เขารับรู้เด็ดขาด ให้เขารู้สึกว่าคุณไว้ใจเขา มั่นใจในตัวเขา เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกสบายใจและกล้าพอที่จะคุยเรื่องเธอให้คุณฟัง ให้เขาตระหนักว่าเธอคืออดีต คุณต่างหากคือปัจจุบันและอนาคต
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา แน่นอนคุณเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีอดีตนี่นา ใช่มั้ยล่ะ ถามตัวเองว่าคุณจะอยากให้เขามีท่าทีแบบไหน ถ้าคุณอยากไปเจอแฟนเก่า คุณควรประเมินว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับผู้ชายในอดีต จะทำให้คุณสามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาต่อแฟนเก่าของเขาได้ บางทีเราก็แค่อยากเจอเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของแฟนเก่าในฐานะเพื่อนก็เท่านั้น คนเราเลิกกันไปแล้วก็เป็นเพื่อนกันได้นี่นา
3. ให้โอกาสเขา เพื่ออะไร? นอกจากเป็นการให้เกียรติเขาแล้ว การให้โอกาสจะเป็นการพิสูจน์ความรู้สึกที่เขามีต่อคุณได้อีกด้วย คุณจงปล่อยให้เขาไปพบเธอคนนั้น โดยที่คุณมีสิทธิ์ถามได้นะว่า จะไปไหนกัน อะไรยังไง เมื่อเขาตอบแล้วก็จบ อย่าได้มีการโทรฯ จิกตลอดเวลาที่เขาอยู่กับเธอ ครั้นเขากลับมาก็อย่าไปแสดงความระแวงหรือถามด้วยคำถามคาดคั้น เช่น "บอกมาให้หมดนะว่าทำอะไรหรือคุยอะไรกันบ้าง" นี่เป็นแฟนหรือเป็นทนายกันแน่นะ ขอให้ตระหนักว่า ถ้าคุณแสดงกิริยาแบบนี้ คราวต่อไปถ้าเขามีเหตุต้องเจอกันอีกเขาจะไม่บอกคุณแล้วล่ะ เพราะไม่ ต้องการให้คุณไม่สบายใจ ซึ่งคุณก็รู้นี่นา ว่าถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็จะยัดเยียดข้อหา "โกหก" ให้เขาได้อีกข้อหาหนึ่ง
4. ขอไปพบเธอด้วย แต่ขอไปแบบดีๆ ล่ะไม่ใช่การยื่นข้อเสนอว่า "ถ้าคุณไม่ให้ฉันไปด้วย คุณก็ไม่ต้องไปเหมือนกัน" แน่ะ เป็นเจ้าชีวิตเขาไปเสียแล้ว มีวิธีและมีคำพูดมากมายที่คุณจะขอไปพบเจอเธอคนนั้นโดยไม่ให้รู้สึกว่าคุณกำลังจะไปคุมหรือไปจับผิดเขาทั้งคู่ เช่นอะไรล่ะ เช่นบอกเขาว่า คุณอยากรู้จักเขาให้มากขึ้นผ่านการพูดคุยกับเธอคนนั้น (แม้ว่าจริงๆ คุณอยากจะไปจับผิด แล้วก็อยากไปดูด้วยว่า ผู้หญิงคนนั้นจะสวยกว่าคุณหรือเปล่าก็ตาม) การได้เห็นหน้าค่าตากัน ก็อาจทำให้คุณสบายใจได้มากกว่าการคิดเอาเองฝ่ายเดียว และการได้เห็นเขามีปฏิกิริยากับแฟนเก่าในฐานะเพื่อนจะทำให้คุณโล่งใจได้มากขึ้น
และเมื่อไปเจอเธอแล้วก็ขอร้องเลย อย่าได้จ้องจับผิด จับสังเกตเขาทั้งคู่ทุกอิริยาบถ ดูสิว่า สิ่งที่เขาปฏิบัติกับเธอ เขาเคยทำกับคุณหรือเปล่า หรือสิ่งที่เขาทำกับคุณ เขาจะทำกับเธอมั้ย อย่าหน้างอ หน้าบูด หน้าบิ้ง แสดงความเป็นเจ้าของเขา เป็นการข่มเธอไปในตัวว่า อย่าได้มาแหยมอีกเชียวนะ ขอให้การพบกันสามคนเป็นไปอย่างมิตรภาพอย่างแท้จริงเถอะ ขอให้นี่เป็นโอกาสที่คุณจะแสดงความหนักแน่น ความไว้ใจ และแสดงสปิริตของคุณให้เขาประทับใจในตัวคุณเถอะน่า
5. คุยกันแบบตรงไปตรงมา หากการพูดคุยของคุณกับเขาเป็นไปอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ คุณก็ควรสบายใจใด้ แต่ถ้าเขาเริ่มใช้เวลากับแฟนเก่ามากขึ้น และไม่เปิดเผย สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นสัญญาณแสดงถึงปัญหาแล้วล่ะ ได้เวลาที่คุณจะคุยกับเขาจริงๆ จังๆ อย่างตรงไปตรงมา และมีสติแล้วล่ะค่ะ