นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับ "ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ" ว่า ขณะนี้ สำนักงบประมาณ ๆ ได้หารือเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้ว เพื่อเร่งศึกษารายละเอียดตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบเอาไว้ในช่วงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ผ่านมา
“ขณะนี้ ก.พ. อยู่หว่างการศึกษาแนวทางว่าจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการได้อย่างไร ต้องปรับบัญชีหรือไม่ และจะเพิ่มหน่วยงานใดบ้าง เช่น ข้าราชการพลเรือน และทหาร เป็นต้น เมื่อได้ข้อสรุป ก.พ. จะหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อดูช่องทางในการเพิ่มเงินเดือนให้ราชการต่อไป” นายเฉลิมพล ระบุ
สำหรับไทม์ไลน์เบื้องต้นของการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือน จะนัดหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาหารือร่วมกัน ทั้ง กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 ต่อไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
นายเฉลิมพล กล่าวว่า แหล่งเงินที่จะใช้ในเพื่อขึ้นเงินเดือนข้าราชการนั้น เบื้องต้นต้องดูว่าจะเริ่มจ่ายได้เมื่อใด และใช้เท่าใด หากจะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำ ปี 2567 ก็สามารถทำได้ หรือใช้งบกลาง เพื่อใช้เป็นเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนเงินปรับวุฒิข้าราชการ ที่สามารถนำมาใช้ได้หากหน่วยงานนั้นหากหน่วยงานนั้นมีประมาณไม่เพียงพอ หากไม่ทันในปีงบประมาณ 2567 ก็สามารถดำเนินการได้ภายใต้งบประมาณ 2568 ต่อไป
สำหรับกรณีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการนั้น ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งข้อสั่งการนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาความเหมาะสมในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายน 2566
โดยระบุว่า ด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการสร้างรายได้ สร้างชีวิตของคนไทยให้มีเกียรติ มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรมสอดคล้องและเพียงพอต่อปัจจัยด้านการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี นั้น จึงขอมอบหมาย ดังนี้
1. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
2. ให้รองนายกฯ ปานปรีย์ ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือน รับไปเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาความเหมาะสม และเป็นไปได้ แนวทาง กรอบระยะเวลา และผลกระทบของการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือน และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566