ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 11/2566 ในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานการประชุม และมี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและมีมติที่สำคัญ คือ
สืบเนื่องจาก ก.ค.ศ. ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 มีมติตั้ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ เพื่อทำการใด ๆ แทน ก.ค.ศ. จำนวน 11 คณะ ประกอบด้วย
1) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคล
2) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
3) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
4) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
5) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
6) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2)
7) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
8) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ
9) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับการอุทธรณ์และการร้องทุกข์
10) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับการร้องทุกข์ และการร้องเรียนขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
11) อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการบริหารงานบุคคล
โดย อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ แต่ละคณะ มีจำนวนไม่เกินสิบห้าคน ประกอบด้วย (1) ประธานอนุกรรมการ ซึ่งแต่งตั้งจากกรรมการใน ก.ค.ศ. เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นอาจแต่งตั้งบุคคลอื่นที่ไม่เป็นกรรมการใน ก.ค.ศ. เป็นประธานอนุกรรมการก็ได้ (2) อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกินสิบเอ็ดคน ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูงในด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการศึกษา ด้านกฎหมาย และด้านอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญคณะนั้น (3) อนุกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนสองคน
ซึ่งขณะนี้มีอนุกรรมการที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ จำนวน 4 คณะพ้นจากการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงทำให้เป็นผู้มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด ส่งผลให้ต้องพ้นจากการเป็นอนุกรรมการฯ และทำให้ตำแหน่งอนุกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ในการนี้ ก.ค.ศ. จึงได้พิจารณาเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ส่วนราชการเสนอชื่อฯ เพื่อแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 4 คณะ ๆ ละ 1 คน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการต่าง ๆ ในด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไป
นอกจากนี้
รายละเอียดดังนี้
จากกรณีที่มีการร้องเรียนในประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีประกาศแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพท. สังกัด สพฐ. ซึ่งเหตุเกิดจากการที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิตประมวลผลคะแนน ภาค ค การสัมภาษณ์ ผิดพลาดทำให้คะแนนรวมของผู้เข้ารับการคัดเลือกทุกรายคลาดเคลื่อน ส่งผลต่อลำดับที่ของผู้เข้ารับการคัดเลือกมีการเปลี่ยนแปลง และมีผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าว โดยมีการร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินใน 2 ประเด็น ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพท. กรณีประกาศ แก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพท. สังกัด สพฐ. โดยมิชอบ และประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณีประมวลผลคะแนนคลาดเคลื่อนส่งผลให้ลำดับของผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพท. เปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกดังกล่าวได้รับความเสียหาย นั้น
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้แจ้งผลการวินิจฉัยแก่ผู้ร้องเรียนหลังจากพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในประเด็นแรก การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาฯ นั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ และคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายในเรื่องดังกล่าวแล้วได้รับรายงานจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิตว่า เกิดความผิดพลาดจากการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการดึงข้อมูล และมหาวิทยาลัยสวนดุสิตก็ได้ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว คณะกรรมการสรรหาฯ จึงมีประกาศแก้ไขบัญชีรายชื่อฯ โดยระบุใจความสำคัญว่า “กรณีมหาวิทยาลัยสวนดุสิตดำเนินการประมวลผลผิดพลาดคลาดเคลื่อน มิได้มีสาเหตุมาจากการทุจริตหรือการดำเนินการส่อไปในทางไม่สุจริต” จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่าสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยคณะกรรมการสรรหาฯ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย
สำหรับประเด็นที่สอง ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เมื่อมหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้ตรวจสอบและพบความผิดพลาดจากการประมวลผลคะแนนแล้ว ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผลการสอบทั้ง 3 ภาคใหม่ทั้งระบบซึ่งไม่พบการผิดพลาดในส่วนอื่น และได้ดำเนินการแก้ไขและส่งมอบผลการประเมินที่ถูกต้องพร้อมบัญชีรายชื่อที่จัดลำดับผู้ได้รับการคัดเลือกใหม่ และรายงานการแก้ไขปัญหาให้สำนักงาน ก.ค.ศ. รวมทั้งมหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้มีแถลงการณ์ความผิดพลาดดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงข้อเท็จจริงของความผิดพลาดต่อสาธารณชนแล้ว จึงยังไม่อาจรับฟังว่ามหาวิทยาลัยสวนดุสิตไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย ดังนั้น ปัญหาคำร้องเรียนทั้งสองประเด็นจึงเป็นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับไว้พิจารณา ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยยุติเรื่องร้องเรียน
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ.