ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

มหัศจรรย์...ผงไหม...ตีตลาดของกิน-ของใช้


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,429 ครั้ง
มหัศจรรย์...ผงไหม...ตีตลาดของกิน-ของใช้

Advertisement

สทน.นำเสนอ "มหัศจรรย์ผงไหม" ผสมของกิน-ของใช้ เพิ่มมูลค่าและคุณค่าอาหาร แจงมีโปรตีนมากกว่าไหมต่างชาติ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดโคเลสตอรอล ให้โปรตีน ระบุไทยมีเศษไหมเหลือทิ้งปีละ 300 ตัน เปลี่ยนเป็นผงไหมให้มูลค่าสูง 1,800 ล้าน แปรรูปได้หลากหลาย ทั้งไอติมผงไหม หมูยอไหมทอง และยังเพิ่มผลผลิตในนาข้าว
       
       
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. จัดเสวนา "คุยกัน...ฉันวิทย์" เรื่อง "มหัศจรรย์ผงไหม" เมื่อวันที่ 29 เม.ย.52 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ และภายในงานได้นำไอศกรีมผสมผงไหมมาให้ผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาได้ลองชิม พร้อมจำหน่ายสินค้าจากผงไหม อาทิ ผงไหมบริสุทธิ์ หลามหมูไหมทอง ลูกชิ้นหมูผงไหม เป็นต้น
       
       ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า นิวเคลียร์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลายด้าน ทั้งการแพทย์ สิ่งแวดล้อม การเกษตรสำหรับผงไหมซึ่งเป็นผลผลิตหนึ่งจากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ สามารถนำไปใส่อาหารให้มีคุณภาพดีขึ้น มีประโยชน์มากขึ้น และนำไปใช้ในเครื่องสำอาง อย่างสบู่ ครีมบำรุง หรือใช้ในภาคเกษตรได้ ทั้งนี้ สทน.พร้อมถ่ายทอดเทคโนดลยีให้กับผู้ที่สนใจ
       
       ทางด้าน นางบุญญา สุดาทิศ หัวหน้าโครงการ "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมหม่อนไหม" สทน. กล่าวว่า
ในไทยนั้นมีเศษไหมเหลือปีละ 300 ตัน หากนำไปเผาทิ้งก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาวะโลกร้อน แต่หากนำมาสกัดเป็นผงไหมจะได้มูลค่าเพิ่มขึ้น โดยต้นทุนวัตถุดิบเศษไหมที่ปีหนึ่งมูลค่า 100 ล้านบาท สามารถเปลี่ยนผงไหมมูลค่า 1,800 ล้านบาท และหากนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์จะเพิ่มมูลค่าได้อีก 10 เท่า
       

       
       นางบุญญาอธิบายว่า เส้นไหมจะมีเส้นใยแข็งที่เคลือบด้วยโปรตีนที่เป็นสารเหนียวลักษณะคล้ายกาว ซึ่งในทางอุตสาหกรรมสกัดออกด้วยโซดาไฟ แต่กระบวนการสกัดของ สทน.จะใช้วิธีต้มด้วยอุณหภูมิและความดันที่สูงกว่าแล้วได้สารละลายโปรตีนออกมา จากนั้นนำไปผลิตให้เป็นผง โดยผ่านกระบวนการทางรังสีทำให้ได้ผงไหมที่มีขนาดเล็กกว่าเทคนิคที่ไม่ใช้เทคโนโลยี ผลคือผงไหมที่ได้จะละลายน้ำได้ง่ายขึ้น และผสมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
       
       "ผงไหมจากโปรตีนไหมมี 2 ชนิดคือ ผงไหมจากกาวไหมหรือผงไหมซิริซิน (Sericin) ซึ่งมีสีเหลือง อันเป็นคุณสมบัติของไหมไทย ขณะที่ไหมต่างประเทศจะมีสีขาว มีไหมไทยเพียง 2-3 ชนิดที่เป็นสีขาว แต่เป็นสีขาวตุ่นๆ และผงไหมจากเส้นใยแข็งๆ ที่เรียกว่า ผงไหมไฟโบรอิน (Fibroin) โดยผงไหมซิริซินจะนิยมนำไปผสมในเครื่องสำอางมากกว่า ส่วนไฟโบรอินจะนำไปผสมในอาหารเพราะไม่ทำให้กลิ่นและสีเปลี่ยนไปจากเดิม ขณะที่ผงไหมซิริซินจะทำให้อาหารมีกลิ่นแรงกว่าเดิมและสีเปลี่ยนไป แต่ออกฤทธิได้มากกว่า" นางบุญญากล่าว
       
       เมื่อวิเคราะห์จำนวนกรดอะมิโนในผงไหมของไทยแล้ว นางบุญญากล่าวว่าผงไหมของไทยมีจำนวนกรดอะมิโน 18 ชนิด ขณะที่ผงไหมจากต่างประเทศ 16 ชนิด และไหมไทยยังมีคุณสมบัติดูดความชื้นและเก็บน้ำได้ดี จึงเหมาะแก่การผลิตเครื่องสำอาง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง และต้าการอักเสบได้
       
       ทางด้านนางนิษฐา รุจิประชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แก้วหลวง จำกัด ซึ่งรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตผงไหมจาก สทน. กล่าวถึงปัญหาที่บริษัทเคยประสบว่า บริษัทผลิตเส้นไหมจำหน่ายจำนวนหลายตันแต่ขายไม่ออก เนื่องจากมีการลักลอบนำเข้าเส้นไหมจากต่างประเทศ และมีบริษัทจากญี่ปุ่นซึ่งจะคิดตั้งโรงงานผลิตผงไหมในไทยและได้เดินทางมาดูงานที่บริษัท จึงได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผงไหม และปัจจุบันได้ผลิตผงไหมส่งให้สปาต่างๆ รวมทั้งผลิตจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในรูปแบบซอง 50 มิลลิกรัม ในราคาซองละ 50 บาท ซึ่งนำไปใช้ผสมโยเกิร์ตเพื่อใช้พอกหน้าได้
       
       ส่วนนางสุชาดา สิงสถิต ผู้แทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปเนื้อสัตว์ จ.เลย ซึ่งมีผลิตภัณฑ์อาหารจากผงไหม อาทิ หลามหมูยอไหมมอง ลูกชิ้นหมูผงไหม กล่าวว่าทางกลุ่มได้นำผงไหมไปผสมในหมูยอ ไส้กรอก ลูกชิ้นหมู หมี่กรอบ และน้ำพริกกุ้งเผา ผลคือผลิตภัณฑ์ที่ผสมผงไหมมีโปรตีนเพิ่มขึ้น ลูกชิ้นหมูเหนียวมากขึ้น หมี่กรอบมีความกรอบมากขึ้น ซึ่งหลังจากผสมผงไหมลงในผลิตภัณฑ์อาหารแล้ว สินค้าขายดีแตกต่างจากที่ไม่ได้ผสมผงไหมมาก
       
      
 นอกจากนี้ สทน.ยังได้ทดลองนำผงไหมผสมน้ำฉีดในนาข้าวของ นายสมุทร คำพระ เกษตรกร อ.โพธิทอง จ.อ่างทอง โดยอยู่ระหว่างทดลองคาดว่าต้องทำการทดลองอีก 2-3 ครั้ง ก่อนสรุปผลและเผยแพร่แก่เกษตรกร ซึ่งหลังจากใช้น้ำผงไหมฉีดให้ต้นข้าวแล้ว นายสมุทรกล่าวว่าได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ข้าวไร่ละ 800-900 กิโลกรัม เป็น 1,200-1,300 กิโลกรัม ทั้งนี้พื้นที่ 1 ไร่ใช้น้ำผงไหม 15 ลิตร ซึ่งต้องฉีดทั้งหมด 2 รอบ โดยมีต้นทุนน้ำผงไหมลิตรละ 2 บาท ดังนั้นพื้นที่ 1 ไร่จึงมีต้นทุน 50 บาท.


ที่มา..www.manager.co.th/


โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3183 วันที่ 6 พ.ค. 2552


มหัศจรรย์...ผงไหม...ตีตลาดของกิน-ของใช้

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

คำมั่นสัญญาของใคร?

คำมั่นสัญญาของใคร?


เปิดอ่าน 10,199 ครั้ง
นัดรอ...บ่พ้ออ้าย

นัดรอ...บ่พ้ออ้าย


เปิดอ่าน 6,468 ครั้ง
เลข...มหัศจรรย์

เลข...มหัศจรรย์


เปิดอ่าน 6,622 ครั้ง
     .....  MV     ....King of Kings....

..... MV ....King of Kings....


เปิดอ่าน 6,432 ครั้ง
ภาพปริศนา.....ลวงตา

ภาพปริศนา.....ลวงตา


เปิดอ่าน 6,612 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

โยคะ...ทำเองก็ได้ง่ายจัง

โยคะ...ทำเองก็ได้ง่ายจัง

เปิดอ่าน 6,449 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เคล็ดลับริมฝีปากสวย
เคล็ดลับริมฝีปากสวย
เปิดอ่าน 6,422 ☕ คลิกอ่านเลย

ข้อสอบเยียวยาอยู่ตรงไหนบ้าง
ข้อสอบเยียวยาอยู่ตรงไหนบ้าง
เปิดอ่าน 6,443 ☕ คลิกอ่านเลย

วันสำคัญเดือนมกราคม
วันสำคัญเดือนมกราคม
เปิดอ่าน 6,445 ☕ คลิกอ่านเลย

6  สหายนำสุขภาพดีมาสู่คุณ...
6 สหายนำสุขภาพดีมาสู่คุณ...
เปิดอ่าน 6,437 ☕ คลิกอ่านเลย

สพฐ.ขู่เชือดเขตพื้นที่ฯ ตุกติกงบไทยเข้มแข็ง
สพฐ.ขู่เชือดเขตพื้นที่ฯ ตุกติกงบไทยเข้มแข็ง
เปิดอ่าน 6,425 ☕ คลิกอ่านเลย

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ...&...กิจกรรมมอบรางวัลใหญ่..ใช้ภาษาไทยดีเด่น...
29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ...&...กิจกรรมมอบรางวัลใหญ่..ใช้ภาษาไทยดีเด่น...
เปิดอ่าน 6,442 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

กรมการขนส่งทางบก   เตรียมนําแผ่นป้ายทะเบียนรถรูปแบบใหม่ออกให้บริการประชาชน หลังจากหมวด ฆฮ เริ่มต.ค.
กรมการขนส่งทางบก เตรียมนําแผ่นป้ายทะเบียนรถรูปแบบใหม่ออกให้บริการประชาชน หลังจากหมวด ฆฮ เริ่มต.ค.
เปิดอ่าน 15,319 ครั้ง

ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
เปิดอ่าน 15,714 ครั้ง

คืนนี้ชมจันทร์เต็มดวงขนาดใหญ่ และสว่างที่สุดในรอบปี
คืนนี้ชมจันทร์เต็มดวงขนาดใหญ่ และสว่างที่สุดในรอบปี
เปิดอ่าน 13,350 ครั้ง

ชมย้อนหลัง ดูดวงปี 58 กับ หมอช้าง และ อ.คฑา จากรายการตีสิบ
ชมย้อนหลัง ดูดวงปี 58 กับ หมอช้าง และ อ.คฑา จากรายการตีสิบ
เปิดอ่าน 11,981 ครั้ง

สำนักงาน ก.ค.ศ.เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฏหมาย วินัย ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงาน ก.ค.ศ.เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฏหมาย วินัย ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เปิดอ่าน 14,164 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ