เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ตนได้หารือร่วมกับผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการในระหว่างรอยต่อรัฐบาล โดยเห็นตรงกันว่า ควรชะลอการใช้งบประมาณ และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ไว้ก่อน เพื่อรอรัฐมนตรีใหม่ที่จะเข้ามา ดังนั้นในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตนได้สั่งการไปแล้วว่าให้ชะลอโครงการต่าง ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณไว้ก่อน เพื่อรอรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่
“ผมสั่งการไปแล้วให้รอฟังนโยบายรัฐมนตรีคนใหม่ก่อน โดยเฉพาะในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) และกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ให้หยุดทุกโครงการที่กำลังจะทำใหม่ แต่ถ้าเป็นงบใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐานก็ให้ใช้ได้ตามปกติ หรือถ้าเป็นโครงการที่ได้ดำเนินการตามระเบียบพัสดุไปแล้วหรือทำสัญญาไปแล้วก็คงต้องเดินหน้าต่อไป”ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังขอให้หน่วยงานในสังกัดศธ. นำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจัดทำไว้แล้วมาพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการศธ. คนใหม่ ให้ความเห็นชอบเสนอให้สภาฯพิจารณาต่อไป ซึ่งเท่าที่ดูงบที่ขอในภาพรวมไม่ต่าง จากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 3.1 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหาร ทางสำนักงบประมาณ ได้มีหนังสือสั่งการลงมาแล้วว่า งบรายจ่ายใดที่จำเป็นก็สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้เลยในปี 2567
ด้าน ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ได้มีการสั่งชะลองบใด ๆ แต่ได้สั่งการไปแล้วว่า แผนงาน โครงการใดใดที่มีความต่อเนื่องก็ขอให้ดำเนินการจนแล้วเสร็จ โดยระหว่างนี้ไม่ให้มีการจัดทำโครงการใหม่ขึ้น และหากมีงบประมาณเหลือจ่าย ก็ให้สงวนไว้ เพื่อรอให้รัฐมนตรีว่าการศธ. คนใหม่เข้ามาพิจารณา
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 29 สิงหาคม 2566