ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผักพื้นบ้าน 13 ชนิด ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไม่ทำลายตับ


ความรู้ทั่วไป 13 ส.ค. 2566 เวลา 06:06 น. เปิดอ่าน : 85,344 ครั้ง
ผักพื้นบ้าน 13 ชนิด ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไม่ทำลายตับ

Advertisement

ถ้าเราต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ใช้ยา สามารถมองหาผักพื้นบ้านช่วยลดน้ำตาลในเลือดกันดูครับ เพราะผักหลายชนิด มีคุณสมบัติในการลดน้ำตาลในเลือดได้ดีเลยทีเดียว ลองมาดูกันว่า มีผักชนิดใดบ้างที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้บ้าง

1. มะระขี้นก

หวานเป็นลมขมเป็นยา คำกล่าวนี้เป็นความจริงมาแต่ไหนแต่ไร อย่างมะระขี้นกที่ขึ้นชื่อว่าขมแสนขม แต่สรรพคุณนี่ต้องชมจริงว่าเด็ดแสนเด็ด โดยเฉพาะในเรื่องลดน้ำตาลในเลือด เพราะในผลมะระขี้นกมีสารชาแรนติน (Charatin) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ลดการสร้างน้ำตาลของตับ กระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทนทานต่อกลูโคส (ร่างกายไม่ไวต่อกลูโคส) นอกจากนี้สารที่พบในผลมะระขี้นกยังมีผลยับยั้งการหลั่งของกลูโคสในลำไส้เล็ก และยับยั้งเอนไซม์กลูโคซิเดส สาเหตุของโรคเบาหวานได้อีกด้วย

ทั้งนี้สามารถรับประทานผลมะระขี้นกจิ้มน้ำพริก หรือกินเป็นผักเคียงกับกับข้าวชนิดอื่น ๆ หรือจะหั่นเนื้อมะระขี้นกเป็นแว่น ๆ แล้วนำไปตากแห้ง เอาไว้ชงกับน้ำดื่มก็ได้ ทว่าการรับประทานมะระขี้นกก็มีข้อจำกัดในหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เพราะมะระขี้นกมีฤทธิ์เย็น และมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปในคนบางกลุ่ม และอาจเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ก็ไม่ควรรับประทานมะระขี้นกติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้เสียสมดุลในร่างกาย และก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลสุกของมะระขี้นก เพราะในผลสุกของมะระขี้นกจะมีสารไซยาไนด์ รวมทั้งสารซาโปนินที่อาจส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้อาเจียน ท้องร่วง หรือหมดสติได้
 

2. ผักเชียงดา

 ผักเชียงดาเป็นผักพื้นบ้านทางภาคเหนือ ที่แปลชื่อได้โหด ๆ ว่า ผักฆ่าน้ำตาล เหตุก็เพราะว่าในผักเชียงดามีสารสำคัญในกลุ่มไตรเทอร์ปีนซาโปนิน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ชะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็ก นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน ทำให้ผักเชียงดาเป็นผักลดน้ำตาลในเลือดที่น่าสนใจมาก ๆ

ส่วนวิธีกินผักเชียงดาลดน้ำตาลในเลือด สามารถนำใบอ่อน ยอด และดอกผักเชียงดามาลวกพอสุก จิ้มน้ำพริกกิน หรือใส่ไปกับตำมะม่วง แกงปลาแห้ง แกงแค หรือจะนำผักเชียงดามาผัดน้ำมันหอยหรือผัดใส่ไข่ก็ได้

 

3. ป่าช้าหมอง (หนานเฉาเหว่ย)

หลายคนอาจรู้จักกันในชื่อหนานเฉาเหว่ย หรือป่าช้าหมอง หรือขันทองพยาบาท แต่ไม่ว่าจะชื่อไหนผักพื้นบ้านชนิดนี้ก็มีดีที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยจากการศึกษาในสัตว์ทดลองและผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบว่า ป่าช้าหมองมีฤทธิ์ลดความเข้มข้นของระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานและในคนปกติ โดยสามารถเคี้ยวใบสด ๆ ของหนานเฉาเหว่ยกินได้เลย

แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกกินใบป่าช้าหมองที่มีขนาดประมาณฝ่ามือ โดยกินไม่เกิน 3 ใบต่อวัน หรือหากเป็นใบใหญ่กว่านั้นก็กินเพียงใบเดียวต่อวัน เพราะฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของหนานเฉาเหว่ยค่อนข้างแรง หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติได้ โดยเฉพาะในคนที่กินยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว รวมทั้งคนที่มีน้ำตาลในเลือดไม่ได้สูงมากนัก ไม่ควรกิน เพราะอาจมีอาการหน้ามืด ใจสั่น จนช็อกได้

 

4. ใบชะพลู

ใบชะพลูที่เราคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเมี่ยงคำ หรือในห่อหมกก็อาจจะเจอใบชะพลูได้เหมือนกัน โดยใบชะพลูก็เป็นผักลดน้ำตาลในเลือดชนิดหนึ่งซึ่งมีฤทธิ์ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด และช่วยกระตุ้นการนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้อีกด้วย

ทั้งนี้การรับประทานใบชะพลูลดน้ำตาลในเลือด ตำรับแพทย์แผนโบราณแนะนำให้ใช้ชะพลูทั้งต้น (ถอนทั้งราก) จำนวน 7 ต้น มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปต้มกับน้ำเดือดสักพัก แล้วกรองแต่น้ำมาดื่มเป็นชาชะพลูลดน้ำตาลในเลือด ทว่าก็ควรวัดระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อนและหลังดื่มชาใบชะพลูทุกครั้ง เพราะชะพลูมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้เร็วมาก จึงต้องป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสำหรับคนที่กินยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่ก่อนแล้ว

5. ตำลึง

ผักริมรั้วอย่างตำลึงก็ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้นะจ๊ะ โดยในตำลึงไม่เพียงแต่มีวิตามินเอ แคลเซียมสูง เท่านั้น แต่ยังมีสารเพกติน (Pectin) คอยช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย นอกจากนี้ใบตำลึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ๆ ด้วยนะคะ

โดยวิธีกินตำลึงลดน้ำตาลในเลือดให้ใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณ 1 กำมือ หรือครึ่งถ้วยตวง ล้างให้สะอาดแล้วต้มกับน้ำประมาณ 200 ซี.ซี. หรือจะคั้นน้ำจากผลตำลึงมาดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก็ได้เช่นกัน

6. กะเพรา

กะเพราเป็นผักให้กลิ่นหอมที่เราคุ้นเคยกันดี โดยกะเพรามีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจากการทดลองกับหนูทดลองและคน พบว่า สารในกะเพรามีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในระดับสูงเล็กน้อยจนถึงระดับปานกลางได้ โดยสามารถนำใบกะเพราตากแห้ง 2-5 กรัม มาต้มกับน้ำสะอาด 1 แก้วกาแฟ และดื่มเป็นประจำทุกวัน

7. ฟักข้าว

ผลการทดลองของประเทศบังกลาเทศ พบว่า ในผลอ่อนฟักข้าวและใบอ่อนมีสารไกลโคไซด์ (Glycoides) ซึ่งมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ โดยวิธีกินฟักข้าวลดน้ำตาลในเลือดสามารถดื่มน้ำฟักข้าว หรือจะนำใบยอดอ่อนของฟักข้าวมาลวกจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย หรือใส่ในแกงแคก็ได้
 

8. มะเขือพวง

มีงานวิจัยพบว่า น้ำสมุนไพรมะเขือพวงจากผลมะเขือพวงแห้ง มีคุณสมบัติลดระดับอนุมูลอิสระซูเปอร์ออกไซด์ หรืออนุมูลอิสระไนทริกออกไซด์ในเลือดหนูที่เป็นเบาหวานได้ โดยพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานลดลง แต่ในคนอาจยังไม่มีงานวิจัยชี้ชัดในเรื่องนี้มากนัก ทว่ามะเขือพวงก็เป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง ส่วนวิธีกินมะเขือพวงลดน้ำตาลในเลือดให้นำผลมะเขือพวงตากแห้งประมาณ 10 ผล มาต้มกับน้ำสะอาด 1 แก้ว แล้วดื่มเป็นชามะเขือพวง

9. กระเจี๊ยบเขียว

กระเจี๊ยบเขียวที่นิยมนำมากินคู่กับน้ำพริกเป็นผักที่มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำค่อนข้างสูง และไฟเบอร์ที่อยู่ในกระเจี๊ยบเขียวนี่แหละค่ะที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักลดน้ำตาลในเลือดอีกทางเลือกหนึ่งที่หากินได้ไม่ยากเลย แค่นำกระเจี๊ยบเขียวมาหั่นซอย ผสมน้ำเล็กน้อยแล้วคนให้เหนียวไว้รับประทาน ซึ่งการกินกระเจี๊ยบเขียวที่ไม่ผ่านความร้อนจะได้รับประโยชน์จากไฟเบอร์ในกระเจี๊ยบเขียวอย่างเต็มที่ แต่ถ้ากินสดไม่ได้ แค่นำมาลวกพอสุกแล้วกินแกล้มอาหารชนิดต่าง ๆ ก็อร่อยและได้ประโยชน์ในการลดน้ำตาลในเลือดเช่นกัน

10. ตดหมู ตดหมา (กระพังโหม)

ใบของตดหมู ตดหมา มีสารที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินของร่างกาย จึงช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองลดลงได้ และนอกจากนี้ตดหมู ตดหมา ยังมีสรรพคุณทางยาอีกหลายขนาน
 

11. เตยหอม

ตามตำรับยาไทย รากเตยหอม (ซึ่งไม่ใช่ใบเตยธรรมดา) ถูกใช้ในตำรับยาลดน้ำตาลในเลือดมานาน โดยให้ใช้รากเตยหอม 1-2 รากต่อวัน ต้มกับน้ำประมาณ 1-2 ลิตร แล้วดื่ม แต่ไม่แนะนำให้ดื่มต่างน้ำ ทั้งนี้ควรใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน และควรหมั่นเช็กระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำว่าได้ผลหรือไม่ ที่สำคัญคือหมั่นเช็กอาการตัวเองอยู่เสมอ เพราะรากเตยหอมอาจไปเสริมฤทธิ์ยาลดน้ำตาลในเลือดจนทำให้ผู้ป่วยมีอาการหน้ามืดจากภาวะน้ำตาลตกได้

12. ใบหม่อน

ใบหม่อนหรือมัลเบอร์รี มีสารสำคัญในการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดที่ชื่อว่า สาร 1-deoxynojirimsyn (DNJ) และสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งสารชนิดนี้จะออกมาได้ดีเมื่อนำไปชงแบบชา

โดยเก็บยอดใบหม่อนที่ 3-4 มาหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วนำไปลวกน้ำร้อน 20-30 วินาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นนำใบหม่อนไปผึ่งให้พอหมาด ก่อนนำมาคั่วด้วยไฟอ่อน ๆ จนกว่าใบชาจะแห้ง และหากจะดื่มชาใบหม่อนก็นำใบหม่อนแห้งที่ทำไว้ประมาณ 80 กรัม (2-3 ช้อนโต๊ะ) ใส่ในแก้วกาแฟแล้วเติมน้ำร้อนเกือบเต็มแก้ว รอจนอุ่นแล้วจึงดื่มตามปกติ
 

13. ใบย่านาง

ใบย่านางมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่มาก และยังมีโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด จึงมีผลดีต่อการลดน้ำตาลในเลือดได้ อีกทั้งยังมีผลการทดลองในหนูที่พบว่า สารสกัดจากใบย่านางมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินในหนูทดลอง และสามารถลดน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานได้

ส่วนการกินใบย่านางสามารถกินใบย่านางในอาหารชนิดต่าง ๆ หรือจะทำน้ำใบย่านางดื่มก็แล้วแต่สะดวก โดยนำใบย่านาง 10-20 ใบ มาคั้นกับน้ำประมาณ 1-3 แก้ว จากนั้นนำน้ำคั้นจากใบย่านางไปต้มแล้วกรองเอากากออกก่อนดื่ม


การรับประทานผักพื้นบ้านเพื่อช่วยลดน้ำตาลในเลือดนี้ เป็นเพียงอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการลดน้ำตาลในเลือดเท่านั้น ท่านควรรับประทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรหวังว่าการกินผักหรือสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เพราะหัวใจสำคัญในการลดน้ำตาลในเลือดคือการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย ยิ่งกับผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้ว ยังไงก็ไม่ควรหยุดยาแผนปัจจุบันโดยเด็ดขาด และควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนรับประทานสมุนไพรหรือวิตามินอะไรก็ตามด้วย

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก กระปุก.คอม


ผักพื้นบ้าน 13 ชนิด ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไม่ทำลายตับผักพื้นบ้าน13ชนิดที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดไม่ทำลายตับ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ดูลายมือ "เส้นวาสนา"

ดูลายมือ "เส้นวาสนา"


เปิดอ่าน 26,593 ครั้ง
6 วิธีแก้เครียด

6 วิธีแก้เครียด


เปิดอ่าน 12,256 ครั้ง
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?

3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?


เปิดอ่าน 14,357 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

15 เรื่องกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

15 เรื่องกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 20,291 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน
วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน
เปิดอ่าน 10,414 ☕ คลิกอ่านเลย

เรื่องน่ารู้ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกท่าน
เรื่องน่ารู้ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกท่าน
เปิดอ่าน 11,257 ☕ คลิกอ่านเลย

นอนมากเกิน-น้อยเกิน เสี่ยงเบาหวาน
นอนมากเกิน-น้อยเกิน เสี่ยงเบาหวาน
เปิดอ่าน 8,927 ☕ คลิกอ่านเลย

8 กลเม็ดใช้ชีวิตปลอดหนี้!!!...
8 กลเม็ดใช้ชีวิตปลอดหนี้!!!...
เปิดอ่าน 13,384 ☕ คลิกอ่านเลย

ออกกำลังแบบไหน ดีกับโรคอะไร
ออกกำลังแบบไหน ดีกับโรคอะไร
เปิดอ่าน 9,282 ☕ คลิกอ่านเลย

เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค
เปิดอ่าน 11,249 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาในฐานะศาสตร์
เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาในฐานะศาสตร์
เปิดอ่าน 20,315 ครั้ง

ของพรีเมี่ยมคืออะไร ?
ของพรีเมี่ยมคืออะไร ?
เปิดอ่าน 19,423 ครั้ง

การเรียนการสอนแบบ Montessori
การเรียนการสอนแบบ Montessori
เปิดอ่าน 38,165 ครั้ง

โครงสร้างอะตอม
โครงสร้างอะตอม
เปิดอ่าน 5,352 ครั้ง

วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
เปิดอ่าน 10,543 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ