หนึ่งในรูปแบบการลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำ เป็นเวลาต่อเนื่อง 1 - 3 วัน สามารถลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ หากไม่มีสารอาหารในร่างกาย ทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
Water Fasting ไม่ใช่การลดน้ำหนักที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่มีที่มาตั้งแต่โบราณสมัยคริสต์ศักราช ที่ไม่ใช่การทำเพื่อลดน้ำหนัก แต่มักจะเป็นการทำเพื่อการฝักใฝ่หาความจริงของโลก และจิตวิญญาณทางศาสนา
ปัจจุบัน Water Fasting กลายเป็นเทรนด์ของการลดน้ำหนักที่ทำได้ง่ายอีกหนึ่งวิธี และกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน สามารถเริ่มลองทำได้เพียง 3 วันเท่านั้น และเห็นอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม การทำ Water Fasting ผู้ที่ลดน้ำหนักจะไม่สามารถทานอาหารอย่างอื่นได้ในระยะเวลาที่กำหนด จึงเกิดข้อถกเถียงกันในเรื่องของสารอาหารที่มีประโยชน์ พลังงานต่างๆ ว่าการ Water Fasting จะเป็นผลดี หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายของเรากันแน่
การทำ Water Fasting คือ การดื่มน้ำอย่างเดียวโดยไม่รับประทานอาหาร ตามเวลาที่ตนเองกำหนด คนส่วนใหญ่จะทำกันแค่ 3 วันเท่านั้น การขยับวัน และเวลาที่เพิ่มขึ้น สามารถทำได้ตามความสามารถของร่างกาย ว่าสามารถรับได้มาก หรือน้อยเพียงใด แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าเวลาที่ดีที่สุดของการ Water Fasting คือ 24 - 72 ชั่วโมง และดื่มน้ำให้เพียงพอในปริมาณ 2 - 3 ลิตร ตามปริมาณน้ำที่ควรได้รับต่อวัน หากอย่างได้อย่างหนึ่งไม่สมดุลอาจเกิดอันตรายได้
Water Fasting จึงเป็นการลดน้ำหนักที่ดูเหมือนจะทำได้ง่าย แต่หากได้ทำจริงๆ นั้นยากพอสมควร เพราะต้องมีการปรับสภาพระบบย่อยอาหารภายใน และการฝึกฝนของร่างกาย
...
เป็นอีกหนึ่งหนทางลดน้ำหนักที่ไม่อันตราย แต่ต้องทำในระยะเวลาที่เหมาะสม และไม่ฝืนร่างกายของตนเองจนเกินไป หากรู้สึกว่าร่างกายตนเองรับไม่ไหวแล้วให้ยุติการทำ Water Fasting โดยทันที และห้ามให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคเกาต์ คนที่รับประทานอาหารเยอะ และคนที่กำลังตั้งครรภ์ควรงดการทำ Water Fasting โดยเด็ดขาด
การทำ Water Fasting คือ การกระตุ้นให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเผาผลาญที่ไวและดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับบุคคลที่ระบบการเผาผลาญไม่คงที่ เหงื่อออกยาก โดยน้ำที่ดื่มไปนั้นจะไปกระตุ้นฮอร์โมนที่มีชื่อว่าอินซูลิน (Insulin) และเลปติน (Leptin) เป็นฮอร์โมนตัวสำคัญที่มีผลต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้เกิดการตอบสนอง การทำงาน และการเผาผลาญที่ไวมากขึ้น เปรียบเสือนการรีเซตระบบเผาผลาญ และการดีท็อกซ์ร่างกายไปในตัว
Water Fasting จึงทำให้ร่างกายมีการกระตุ้นฮอร์โมนทั้ง 2 ประเภทข้างต้น สร้างระบบการเผาผลาญของร่างกายให้ไวมากขึ้น น้ำหนักจึงลดลงได้จริง
- ช่วยปรับสมดุล และรีเซตระบบในร่างกาย
- ดีท็อกซ์ของเสียในร่างกายได้ดี
- เกิดการกลืนกินเซลล์ หรือกระบวนการ Autophagy เพื่อสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรง ทำให้ลดสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังได้
- เสริมสร้างระบบเผาผลาญให้คงที
- ลดความดันโลหิต
- ลดน้ำหนัก
- ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมนเลปตินดีขึ้น
- ก่อนการทำ Water Fasting : ควรรับประทานอาหารให้มีสารอาหารครบถ้วน ทานอาหารในปริมาณที่พอดี ไม่ทานอาหารในปริมาณที่มากจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ร่างกาย และกระเพาะอาหารปรับสภาพไม่ทันได้
- หลังการทำ Water Fasting : หากทำ Water Fasting ครบกำหนดแล้ว ให้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และย่อยง่าย ในปริมาณที่เราต้องการให้ร่างกายปรับเปลี่ยน
การทำ Water Fasting ถึงแม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการข้างเคียงตามมา เช่น เกิดอาการเวียนหัว มึนศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลียง่าย และผลข้างเคียงอื่นๆ ควรพบแพทย์โดยทันที และในแนวทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ และตรวจสุขภาพให้แน่นอนก่อนเริ่มทำการลดน้ำหนักแบบ Water Fasting
ขอบคุณที่มาจาก ไทยรัฐ