เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ที่ สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จัดการประชุมสัมมนาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ครั้งที่ 2/2566 โดย ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาว่า การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้ผู้บริหารเขตพื้นที่ฯ ได้มาดูระบบบริหารจัดการ การจัดทำแหล่งเรียนรู้ของสวนนงนุช ว่ามีวิธีคิด และวิธีปฏิบัติอย่างไร เพื่อนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตัวเอง รวมถึงอยากให้หาวิธีเปิดโอกาสให้นักเรียน โดยเฉพาะกลุ่มที่ด้อยโอกาสได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ นอกจากนี้จะมีการติดตามการดำเนินงานของสพท. โดยเฉพาะระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 สพฐ. ได้ประกาศให้เดือนมิถุนายน เป็นเดือนแห่งการเยี่ยมบ้านนักเรียน ให้ครูและโรงเรียนเข้ามาดูแลช่วยเหลือนักเรียน ทั้งด้านอารมณ์ สังคม สุขภาพร่างกาย เพื่อให้เด็กมีต้นทุนที่พร้อมในการเรียนรู้ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ที่เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมากมาย
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า เมื่อนักเรียนมีความพร้อมแล้ว สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือ การเตรียมครูผู้สอนให้พร้อม ซึ่งทางเขตพื้นที่ฯ จะต้องวางแผนการบริหารจัดการอัตรากำลังทั้งในเรื่องของการสรรหา บรรจุแต่งตั้งครูและผู้บริหารสถานศึกษา รวมถึงการบริหารจัดการบุคลากรภายในโรงเรียน ที่บางแห่งจำนวนเด็กลดลง แต่อัตราครูยังมีอยู่เท่าเดิม ก็ต้องไปดูว่า จะสามารถเกลี่ยอัตราในส่วนที่เกินไปในตำแหน่งใดได้บ้างตรงนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการคน รวมถึงเรื่องบริหารจัดการงบประมาณ ซึ่งจะต้องเร่งรัดเบิกจ่ายให้ทันภายใน 3 เดือนก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2566 และประการสุดท้ายเป็นเรื่องวิชาการ มีผ่านมา มีการพูดคุยเรื่อง การเรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning ในช่วง 1-2 ปีหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 พูดถึงปัญหาLearning loss หรือภาวะการเรียนรู้ถดถอย พูดถึงการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอซีที เข้ามาจัดการการเรียนรู้ ดังนั้นสุดท้ายแล้วจะต้องมาสรุปว่า วิธีการเติมเต็มความรู้ให้กับเด็กนั้น ควรมีกี่วิธี และแต่ละกลุ่มจะมีวิธีการเติมเต็มอย่างไร โดยมีเป้าหมายหลักคือคุณภาพผู้เรียน
“ส่วนเรื่องการสอบครูผู้ช่วย ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีครูสอบผ่านได้น้อยนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้มีผู้สอบไม่ผ่านจำนวนมาก เพื่อดูว่า มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นฝ่ายผลิตเองจะต้องปรับระบบการเรียนการสอนอย่างไร รวมถึงจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปพิจารณาด้วยว่า ควรจะต้องปรับหลักเกณฑ์ การสอบแข่งขันในส่วนใด เพื่อให้ผู้เข้าสอบสามารถสอบบรรจุได้มากขึ้น วันนี้หลายฝ่ายยังสับสน แม้แต่ก.ค.ศ. เองก็ออกมาระบุว่า สพฐ. ไม่อยากให้ส่วนกลางออกข้อสอบ ซึ่งความจริงไม่ใช่ และหากเป็นไปได้ ในอนาคต ผมอยากให้ สำนักงานก.ค.ศ. เป็นหน่วยงานกลางดำเนินการจัดสอบ ภาค ก และภาค ขปีละ 2 ครั้ง คล้ายกับการสอบคัดเลือกข้าราชการของ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รวมถึงควรจะต้องมีคลังข้อสอบ ที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาร่วมกันออก อย่างมีมาตรฐาน หากหน่วยงานใดจะจัดสอบ ก็สุ่มเลือกข้อสอบและจัดสอบโดยหน่วยงานกลาง และถ้าเขตพื้นที่ฯใดมีอัตราว่าง ก็นำคะแนนไปยื่นสมัคร เพื่อสอบสัมภาษณ์ ภาค ค ได้ทันที ตรงนี้จะทำให้การจัดสอบมีความโปร่งใส เป็นธรรมสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งระบบ ขณะเดียวกันหากมีบัญชีที่สอบไว้เหมือนก.พ. ก็ไม่ต้องกังวล เรื่องปัญหาการโย้กย้าย เพราะครูสามารถเลือกโรงเรียนด้วยความสมัครใจ ไม่เหมือนกับปัจจุบันที่ไม่สามารถควบคุมเรื่องการโยกย้ายได้ ปัญหาทั้งหมด ผมไม่อยากให้เป็นการแก้แบบย้อนกลับไปกลับมา อยากให้ถอดบทเรียนและแก้ไขไปข้างหน้าเพราะการให้ส่วนกลางจัดสอบและออกข้อสอบก็เคยดำทำมาแล้ว โดยสพฐ. จ้างมหาวิทยาลัยสวนดุสิต (มสด.) ออกข้อสอบ ตอนนั้นก็บอกว่า ไม่ดี ไม่กระจายอำนาจ แต่พอปรับมากระจายอำนาจให้เขตพื้นที่ฯ ดำเนินการ ก็กลับอยากให้ส่วนกลางจัดสอบอีก ซึ่งในมุมมองของผม เห็นว่าการกระจายอำนาจเป็นสิ่งที่ดี แต่มหาวิทยาลัยต้องไปดูเรื่องการออกข้อสอบ ให้สามารถคัดเลือกคนมาเป็นครูได้อย่างเหมาะสม จากนี้ต้องดูว่า ต่อไปจะทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม คุ้มค่ากับงบประมาณ รวมถึงสามารถบรรจุแต่งตั้งครูได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน”ดร.อัมพร กล่าว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้ตนมอบเป็นข้อเสนอกับที่ประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ แล้ว ส่วนแนวทางแก้ปัญหา โรงเรียนที่ยังมีครูไม่ครบ เพราะมีผู้สอบผ่านได้น้อยนั้น เบื้องต้นจะใช้อัตราจากการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย (ว16) กรณีที่มีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษสังกัด สพฐ.ซึ่งจะเปิดรับสมัครวันที่ 21-27 กรกฎาคม สอบข้อเขียนภาค ก ความรอบรู้และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชาชีพครู และสอบภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง วันที่ 19 สิงหาคม สอบสัมภาษณ์ วันที่20 สิงหาคม และประกาศผลสอบภายในวันที่ 24 สิงหาคม มาชดเชยอัตรากำลังที่ขาดก่อน หากยังไม่เพียงพอ จะให้มีการขอใช้บัญชีข้ามเขต ในพื้นที่ที่มีการสอบขึ้นบัญชีไว้เกินกว่าอัตราที่เปิดรับ อาทิ พื้นที่ทีจัดสอบโดย มสด. ซึ่งมีผู้สอบผ่านได้มาก หรือหากขอใช้บัญชีแล้วยังวิกฤตอยู่ ก็ค่อยมาดูว่า จะเป็นต้องจัดสอบอีกรอบหรือไม่ ทั้งหมดนี้ต้องหาข้อสรุปหลังจากมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการก.ค.ศ. และมหาวิทยาลัยฝ่ายผลิตร่วมกันตัดสินใจ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 11 กรกฎาคม 2566