เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 นายทวีศักดิ์ คิ้วทอง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี ในฐานะนายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (สบอท.) กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ กรณีนโยบายการศึกษาด้านอาชีวศึกษาของพรรคการเมืองในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังร้อนแรง ว่า ในมุมมองของคนในวงการอาชีวะคนหนึ่งซึ่งตนได้ติดตามดูนโยบายของพรรคต่างๆในขณะนี้เห็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการศึกษาซึ่งอาจเป็นเพราะพรรคการเมืองนั้นได้เห็นความสำคัญการพัฒนาคน ประกอบกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ให้ความสำคัญและเขียนเรื่องการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาไว้ใน มาตรา 54 และมาตรา 258 อย่างชัดเจนพรรคการเมืองไหนได้มาเป็นรัฐบาลก็ต้องมีการปฏิรูปการศึกษาเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องของการออกกฎหมายการศึกษาแห่งชาติและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาสำเร็จ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมาตนมองว่ารัฐบาลทำเรื่องปฏิรูปการศึกษาไปได้ระดับหนึ่งแต่ยังไม่ปรากฎผลงานเป็นรูปธรรมชัดเจนเนื่องจากมีข้อจำกัดหลายปัจจัย
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะเน้นให้ความสำคัญการศึกษาขั้นพื้นฐานมากกว่าการศึกษาสายอาชีพหรืออาชีวศึกษา หลังจากนี้คิดว่ากระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องมาเดินหน้าทำกันต่อไป ในช่วงที่ผ่านมาก็ขอบคุณทุกรัฐบาลที่มีนโยบายส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้อาชีวศึกษาในการผลิตและพัฒนากำลังคนในทุกด้าน แต่หลังจากนี้อยากให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษาผลิตกำลังคนให้มีคุณภาพตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ และอาชีพในตลาดแรงงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตนมองว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องให้ความสำคัญ จริงใจ เอาจริงและตั้งใจจริง ทำให้เร็ว และต้องรีบเดินหน้าปฏิรูปการอาชีวศึกษาทันที เพราะการศึกษาด้านอาชีวศึกษาเป็นเครื่องมือในผลิตและพัฒนากำลังคนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศทุกด้านให้มั่นคงเป็นรากฐานชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง และทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านโยบายด้านการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองไหน ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ คนในแวดวงการศึกษา นักเรียนนักศึกษา และประชาชนต่างให้ความสนใจติดตามนโยบายด้านอาชีวศึกษาไม่น้อย
“การเลือกตั้งในครั้งนี้ทางสมาคมฯ คาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่มาก อยากเห็นรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญด้านการอาชีวศึกษา โดยเฉพาะเรื่องสำคัญๆ เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ทั้งสถาบันการอาชีวศึกษา 23 แห่งและสถานศึกษาอาชีวะรัฐและเอกชน 900 กว่าแห่ง ที่เป็นหน่วยผลิตพัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพให้ออกมาประกอบอาชีพอิสระหรือเข้าสู่สถานประกอบการตามทักษะสาขาวิชาได้ สร้างคนให้มีอาชีพมีงานทำเลี้ยงชีพได้อย่างมีคุณภาพ ทางสมาคมฯจึงมีความหวังกับว่ารัฐบาลใหม่อย่างมากว่า จะส่งคนที่มีคุณภาพสูงมาเป็นรัฐมนตรีบริหารกระทรวงนี้ เป็นคนที่มีความคิดใหม่ๆทันสมัย กล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งที่ดีงาม รับฟังเสียงผู้มีส่วนได้เสีย ทำงานต่อเนื่องไม่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีบ่อยเหมือนที่ผ่านมา ฝีมือถึง ใจถึง มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ ยึดหลักธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญกับการอาชีวศึกษาเป็นพิเศษ เร่งแก้ปัญหาอาชีวะหลายเรื่องที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณที่เรามองเป็นปัญหาใหญ่มาก ส่งผลกระทบการบริหารงานของสถานศึกษา”นายทวีศักดิ์ กล่าว
นายกสมาคม สบอท. กล่าวต่อไปว่า บางสถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมหารายได้กันเอง ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจัดสรรให้ในทุกวันนี้ไม่เพียงพอต่อค่าสาธารณูปโภค ค่าจ้างครู ค่าสอนเกิน ภาระงาน การพัฒนาครูบุคลากรให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ การพัฒนาบุคลากรทั้งสายผู้บริหาร สายผู้สอน สายสนับสนุน การพัฒนาหลักสูตร ครุภัณฑ์อุปกรณ์วัสดุการเรียนการสอน ความร่วมมือสิทธิประโยชน์สถานประกอบการ ปัญหาครูจ้างสอน บุคลากรเจ้าหน้าที่สายสนับสนุนที่ยังไม่ได้รับการบรรจุ ด้านกฏหมาย ระเบียบ หรือประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ล้าหลัง สวัสดิการต่างๆที่ยังบั่นทอนขวัญและกำลังใจในการทำงานของผู้บริหาร ครูและบุคลากรกระทบต่อคุณภาพของนักเรียนนักศึกษา ทั้งด้านความปลอดภัยด้านภาพลักษณ์ รวมถึงปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล การทุจริตคอรัปชั่น ที่ต้องมีปรับเปลี่ยนแก้ไขทันที และขวัญกำลังใจต่างๆ เงินเดือนเงิน ค่าตอบแทน เงินวิทยฐานะที่ต้องเหมาะสมกับวิชาชีพชั้นสูง งบสนับสนุนพัฒนากำลังคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คนอาชีวศึกษาเรียกร้องมาตลอดก็คือครูผู้สอนที่ยังไม่เพียงพอกับการจัดการศึกษาด้านอาชีวะ ตั้งแต่ระดับปวช, ปวส. ระดับปริญญาตรี ซึ่งถือว่าขาดแคลนจำนวนมาก ต้องจ้างสอนมานานส่งผลกระทบทางด้านปริมาณและคุณภาพในปัจจุบัน ขอฝากว่าถ้าพรรคการเมืองไหนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้มาเป็นรัฐบาลและส่งใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่ดูแลด้านอาชีวศึกษาก็ฝากช่วยดูแลสะสางแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว อย่าให้เป็นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของข้าราชการประจำ หรือภาคเอกชนฝ่ายเดียว
“ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ดำเนินการให้มีการจัดตั้งสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (สอจ.) ขึ้นมาจำนวน 77 จังหวัด เพื่อรองรับนโยบายการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาที่เป็นรูปแบบตามบริบทของแต่ละจังหวัดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งเรื่องนี้ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ขอให้เร่งออกกฎหมายกำหนดโครงสร้าง กำหนดตำแหน่ง สายงานความก้าวหน้าและออกกฎหมายรองรับเป็นสำนักงานในส่วนภูมิภาคเหมือนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือส่วนราชการของกระทรวงอื่นที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมาอาชีวศึกษาไม่เคยมีหน่วยงานในส่วนภูมิภาค มีแต่สถานศึกษาที่กระจายไปทั่วประเทศช่วยปฎิบัติหน้าที่อยู่ทำให้การบริหารจัดการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาอาชีวศึกษาในจังหวัดนั้นๆพบกับปัญหามาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ได้ให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนในการแก้ไข พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พรบ.การอาชีวศึกษา กฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การอาชีวศึกษามีความคล่องตัวในการบริหารจัดการสนองต่อความต้องการของประชาชนและสถานประกอบการ รวมไปถึงการทำงานประกอบอาชีพอิสระทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางสมาคมฯ พร้อมสนับสนุน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา คนปัจจุบัน ได้ขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน 9 Quick Win รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆเพื่อพัฒนาการอาชีวศึกษาให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ไขกฎระเบียบและการสร้างความมั่นคงให้กับบุคลากร และที่สมาคมฯให้ความสำคัญมากก็คือการสนับสนุนการพัฒนาผู้เรียนให้ได้คุณภาพมาตรฐานได้รับการยอมรับจากสถานประกอบการ และตลาดแรงงาน ทั้งปริมาณและคุณภาพ เพื่อปลดล็อคปัญหาอาชีวะที่สะสมมานาน ให้อาชีวศึกษษของประเทศไทยก้าวหน้าทันสมัยเหมือนกับในหลายประเทศ ดังเช่น เยอรมัน จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น และขอฝากพรรคการเมืองต่างๆ ที่อาสาเข้ามาบริหารประเทศทำการบ้านเกี่ยวกับนโยบายการศึกษา โดยเฉพาะด้านอาชีวศึกษา และรับฟังปัญหาการศึกษาจากผู้มีส่วนได้เสียรอบด้านด้วย”นายทวีศักดิ์ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 19 เมษายน 2566