เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้เปิดให้ผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรที่คุรุสภาให้การรับรองและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษายื่นคำขอรับใบอนุญาตและขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2565 ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยให้ยื่นผ่านระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KSP Self-Service บริการตนเอง KSP School ผ่านสถานศึกษา และ KSP Bundit ผ่านมหาวิทยาลัย ทั้งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู, ใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ครู, ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้น, ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นสูง, ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา, ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพศึกษานิเทศก์ ซึ่งในส่วนของผู้ที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรที่คุรุสภารับรอง ต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนใบอนุญาตผ่านระบบ KSP Self-Service เท่านั้น ทั้งนี้ ขอให้ผู้สำเร็จการศึกษาสมัครเข้าใช้บริการ KSP Self-Service ก่อน เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการขอรับใบอนุญาต
“ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป เป็นการเปิดระบบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามข้อบังคับใหม่ครั้งแรก จึงขอให้ผู้ที่มีความประสงค์ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทุกประเภทศึกษาข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2565, ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง กำหนดแบบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2566 และระเบียบสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ว่าด้วยการขอรับใบอนุญาตและการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2565 อย่างละเอียด เพื่อจะได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และเอกสารหลักฐานที่ต้องแนบประกอบคำขอต่อเลขาธิการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสารสนเทศของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง โดยเฉพาะการขอใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ครู (Provisional Teaching License) หรือ P-License ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้น (Basic Teaching License) หรือ B-License และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นสูง (Advanced Teaching License) หรือ A-License ซึ่งในข้อบังคับใหม่นี้ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามว่า ผู้ยื่นคำขอต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ 1.เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี 2.เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และ 3.เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่คุรุสภาเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ” เลขาธิการคุรุสภา กล่าว
ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวต่อไปว่า ขอย้ำว่า ผู้ที่มีสิทธิที่จะขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาที่คุรุสภาให้การรับรอง โดยเข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินการปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด รวมทั้งไม่มีลักษณะต้องห้าม เมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษาแล้ว มหาวิทยาลัยจะนำรายชื่อเข้าสู่ระบบและขอให้ทุกคนเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผ่านแล้วทุกคนจะได้ P-License ซึ่งสามารถนำ P-license ไปใช้ในการประกอบวิชาชีพครู หรือใช้สมัครสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยได้ สำหรับผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูครบตามที่คุรุสภากำหนด สามารถขอขึ้นทะเบียนขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้นได้
เลขาธิการคุรุสภา กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูรูปแบบเดิม ก็ยังใช้ใบอนุญาตฉบับเดิมนั้นได้ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุ และให้ดำเนินขอต่ออายุใบอนุญาตฯ โดยสามารถยื่นคำขอได้ภายใน 180 วัน ก่อนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะหมดอายุ และเมื่อผ่านการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาตแล้วจะได้ B-License ส่วนการขอรับ A-License ต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาต B-License หรือใบอนุญาตรูปแบบเดิมอยู่แล้วและมีวิทยฐานะตั้งแต่ระดับชำนาญการ หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือผ่านเกณฑ์การประเมินตามระดับคุณภาพของมาตรฐานในการ ประกอบวิชาชีพตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่าน Call Center: 0-2304 -9899 หรือติดต่อสอบถามได้ที่พนักงานเจ้าหน้าที่คุรุสภาในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดที่สมาชิกสังกัดทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์คุรุสภา www.ksp.or.th
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมไดจาก เดลินิวส์ วันที่ 17 มีนาคม 2566