เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้พิจารณาเรื่องมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ พ.ศ. 2566 - 2570 ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งที่ผ่านมาทาง คปร. ได้ประชุมหารือร่วมกับเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีความคิดเห็นโดยสรุปว่า ปัจจุบันแนวโน้มจำนวนนักเรียนในประเทศไทยลงลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนโรงเรียนขนาดเล็กเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจำนวนโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการยุบหรือควบรวมยังเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ดังนั้น การดำเนินการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรการฯ จะส่งผลให้ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ลดลง โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน 61 - 119 คน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี สพฐ. ได้มีแผนในการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งมีเป้าหมายการดำเนินการในช่วงปี พ.ศ. 2566 - 2570 จำนวน 10,314 แห่ง ดังนั้น จึงเห็นว่า แนวทางตามมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2562 - 2565) ที่กำหนดไว้เดิมนั้นยังคงนำมาใช้ได้ แต่ควรต้องมีการปรับเงื่อนไขในการพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยให้โรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในกลุ่มสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนแบบรวมสถานศึกษา ที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป ในพื้นที่ปกติ ซึ่งไม่อยู่ในแผนการถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถได้รับการพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งครูผู้สอนคืนให้กับโรงเรียนดังกล่าวด้วย และเห็นควรให้ ก.ค.ศ. สามารถพิจารณาปรับเปลี่ยนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูในโรงเรียนที่มีอัตรากำลังครูผู้สอนเกินเกณฑ์อัตรากำลังของ ก.ค.ศ. มากำหนดเป็นตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนที่มีนักเรียน 61 - 119 คน ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้บริหารสถานศึกษาในระหว่างที่รอดำเนินการตามแผนควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในด้านการบริหารจัดการ ด้านการเรียน การสอน คุณภาพนักเรียน และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องการบริหารอัตรากำลังผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ซึ่งในการแก้ปัญหาการขาดอัตรากำลังครู หากใช้การบริหารจัดการโดยการจัดการเรียนการสอนแบบรวมกลุ่มสถานศึกษาที่มีระยะทางอยู่ในพื้นที่ใกล้กัน และเกลี่ยอัตรากำลังครูในส่วนที่เกินเกณฑ์มาช่วยจะเกิดประสิทธิภาพมากกว่าการจัดสรรอัตรากำลังครูลงไปให้กับโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สำหรับการเกลี่ยอัตราครูที่เกินเกณฑ์อัตรากำลังของ ก.ค.ศ. มาเปลี่ยนเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาเพื่อบรรจุในโรงเรียนเหล่านั้น ไม่ใช่การเพิ่มกรอบอัตรากำลังใหม่ หรือเพิ่มเงินในภาพรวม แต่ถือเป็นการบริหารตำแหน่งเพื่อให้สถานศึกษาขนาดเล็ก มีผู้บริหารสถานศึกษาในระหว่างที่รอดำเนินการตามแผนควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กนั่นเอง ทั้งนี้ คปร. จะนำแนวทางการดำเนินการดังกล่าว เสนอ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบเป็นมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ พ.ศ. 2566 - 2570 ต่อไป
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก กลุ่มประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ สำนักงาน ก.ค.ศ.