……………………………………………
นางสาว “พ” เป็นข้าราชการอยู่ที่สำนักงานเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ตำแหน่งผู้อำนวยการกองคลัง ระดับ 7
นางสาว “พ” ได้ยื่นคำร้องขอโอน ไปปฏิบัติหน้าที่เป็น นักวิชาการตรวจสอบภายใน ชำนาญการ เพื่อดูแลบิดามารดา โดยขอโอนไปที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแห่งหนึ่งจังหวัดกาญจนบุรี
นางสาว “พ” ได้ยื่นเอกสารครบ ไม่มีเอกสารเท็จ ต่อมา คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (กศจ.กาญจนบุรี) ได้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสาร แล้วมีมติว่า นางสาว “พ” มีคุณสมบัติครบถ้วนในการรับโอน จึงให้ทำการรับโอนนางสาว “พ” เป็น นักวิชาการตรวจสอบภายใน ชำนาญการ ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฯแห่งนั้นแล้วเอาอัตราว่างของ สำนักงานเขตฯ ส่งให้ สำนักงานเทศบาลฯต้นสังกัดเดิมของนางสาว “พ” เพื่อใช้ในการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการใหม่ ต่อไป และ กศจ.กาญจนบุรี ก็รายงานไปที่ ก.ค.ศ. เพื่อทราบตามระเบียบ
นางสาว “พ”ปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นเวลา 4 ปี กว่า ๆ จู่ๆ ก.ค.ศ. มีหนังสือแจ้งมาว่า การรับโอน นางสาว “พ” เป็นการไม่ถูกต้อง ให้ กศจ.กาญจนบุรี ยกเลิกคำสั่งรับโอน กศจ.กาญจนบุรีก็ว่าง่าย มาก มีมติให้ยกเลิกคำสั่งรับโอนทันทีแล้วแจ้งไปที่ สพป.กาญจนบุรีฯที่ปฏิบัติหน้าท่ีอยู่
ผลของการยกเลิกคำสั่งรับโอน ทำให้นางสาว “พ”พ้นสภาพการเป็นข้าราชการสังกัด สพป.กาญจนบุรี เขต… ทาง สพป.กาญจนบุรีฯ ได้ประสานไปที่สำนักงานเทศบาลต้นสังกัดเดิมของนางสาว “พ” เพื่อขอส่งตัวกลับสังกัดเดิม แต่สำนักเทศบาลฯแจ้งว่าไม่สามารถรับกลับได้เพราะไม่มีอัตรารองรับ
นางสาว “พ” ได้ไปที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เพื่อขอพบเจ้าหน้าท่ีที่เกี่ยวข้อง ขอรับความช่วยเหลือแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ผู้นั้นตอบว่า “ช่วยอะไรไม่ได้ และให้เธอรู้ด้วยว่าขณะนี้เธอมีสถานะเป็นเพียงราษฎรคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นข้าราชการแล้ว”
สพป.กาญจนบุรี เขต…ได้งดจ่ายเงินเดือนนางสาว “พ”เพราะไม่มีสภาพเป็นข้าราชการของสำนักงาน ฯ และมีการแจ้งไปที่กรมบัญชีกลางเพื่อให้ระงับสิทธิ์ต่างๆของนางสาว “พ” รวมถึงสิทธิ์เบิกจ่ายตรงในการรักษาพยาบาล
นางสาว “พ” ต้องใช้เงินเดือนเลี้ยงดู พ่ออายุ 83 ปี แม่อายุ 75 ปี พ่อและแม่ ต้องอาศัยสิทธิ์ของลูกสาวในการรักษาพยาบาลเพราะมีโรคประจำตัว มาบัดนี้ นางสาว “พ”ไม่ได้เงินเดือน ไม่สิทธิ์พาพ่อแม่ไปรักษาพยาบาล โดยใช้สิทธิ์ข้าราชการ เพราะ “ความไม่ใส่ใจและไม่สนใจ” ของผู้มีหน้าท่ีเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานี้ที่ละเลยไม่ใส่ใจ
เมื่อวาน (15 พ.ย.65) นางสาว “พ”และ อาเนา ได้เดินทางไปพบผมที่บ้านโดยขอให้สมาคมพิทักษ์สิทธิ์ฯ ให้ความช่วยเหลือ สมาคมฯมอบหมายให้ผมดำเนินการ ผมจึงลัดคิวทำคดีให้โดยร่างฟ้องศาลปกครองให้คืนสิทธิ์ให้ และขอให้ศาลบรรเทาทุกข์ชั่วคราวโดยขอให้ไต่สวนฉุกเฉินและขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี และให้ปฏิบัติหน้าท่ีที่สำนักงานเขตฯไปก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และในฟ้องดังกล่าวได้เรียกค่าเสียหายจากกระทรวงศึกษาธิการ 300,000บาท สอบข้อเท็จจริงและร่างฟ้องตั้งแต่ 10.00น กว่าจะเสร็จก็ร่วม 22.00 น
คดีนี้ จะตามถึงที่สุด จะแจ้ง รมว.ศธ ให้ ถ้าไม่ได้ผล จะร้องเรียนไปที่ นายกรัฐมนตรี ร้องเรียนไปที่กรรมาธิการศึกษา ร้องเรียนไปที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และถ้าไม่มีใครใส่ใจ ผมจะทำเรื่องทูลเกล้าถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ ต่อไป!!!
นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา
16 พ.ย.65