ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร


ความรู้ทั่วไป 14 พ.ย. 2565 เวลา 02:15 น. เปิดอ่าน : 3,101 ครั้ง
Advertisement

"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร

Advertisement

หลายคนคงประสบปัญหา "ส้นเท้าแตก" ทำให้ไม่กล้าถอดรองเท้าหรือถุงเท้า และอาจใช้วิธีแก้ปัญหานี้โดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เราลองมาดูกันครับว่า ปัญหาส้นเท้าแตกเกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร

ส้นเท้าแตก

คือ อาการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้ง หยาบ แข็ง แตกและแยกออกเป็นแผ่น หากมีรอยแตกถึงผิวหนังด้านใน อาจทำให้มีเลือดออกหรือสร้างความเจ็บปวดตามมาได้ โดยมักเกิดในช่วงหน้าหนาวซึ่งมีอากาศแห้งและหนาวเย็น แต่ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้เช่นกันแม้ไม่ได้อยู่ในช่วงฤดูหนาว หลายคนจึงพยายามค้นหาวิธีรักษาส้นเท้าแตกอย่างไรให้ได้ผล

ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร ?

ส้นเท้าแตกเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

  • อากาศที่แห้งหรือหนาวเย็น
  • ภาวะร่างกายขาดน้ำ
  • ดื่มน้ำน้อยเกินไป
  • อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่ร้อนจนเกินไป
  • แช่อยู่ในน้ำร้อนเป็นเวลานานหรือบ่อยเกินไป
  • ใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง
  • ไม่ทาครีมบำรุงที่ทำให้เท้ามีความชุ่มชื้น
  • การขัดเท้าแรงเกินไป
  • การใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมเท้าหรือเปิดผิวเท้ามากเกินไป
  • มีภาวะอ้วน มีน้ำหนักตัวมาก
  • ป่วยเป็นโรคเบาหวาน 

อันตรายที่อาจตามมาจากส้นเท้าแตก

  • หากปัญหาส้นเท้าแตกถูกปล่อยไว้จนเป็นแผลลึกและไม่ได้รับการรักษา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดส้นเท้าแตก และมีโอกาสพัฒนาไปสู่การติดเชื้อได้มาก หลัก ๆ คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้มีภาวะอ้วน
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจมีอาการส้นเท้าแตก เนื่องจากเส้นประสาทบริเวณเท้าถูกทำลายจากปริมาณน้ำตาลในเลือดที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้มีผิวแห้งแตกได้ง่าย จึงควรเฝ้าระวังป้องกันการเกิดโรคและการเจ็บป่วยที่เท้า
  • ส่วนผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักตัวจะเพิ่มแรงกดบริเวณฝ่าเท้า หากมีผิวแห้ง อาจไม่สามารถรองรับต่อแรงกดเหล่านั้นได้ ทำให้เกิดรอยแตกที่ส้นเท้า

วิธีรักษาส้นเท้าแตก

  1. ครีม ยา และผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว สำหรับส้นเท้าแตก ควรใช้ครีมหรือยาที่ผลิตมาเพื่อใช้รักษาอาการผิวแตกลักษณะนี้โดยเฉพาะ ทาไปบนบริเวณที่เป็นรอยแตก อย่างครีมที่มีส่วนผสมของ ไดเมทิโคน (Dimethicone) จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและเพิ่มความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำให้แก่ผิว ลดการเกิดหนังที่หนาและด้านจากภาวะผิวแห้งที่จะทำให้เกิดผิวส้นเท้าแตกตามมา และครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น หรือครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน สามารถใช้ทาได้วันละหลาย ๆ ครั้ง ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อทาหลังอาบน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และป้องกันผิวแห้งแตก
  2. ปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum Jelly) เป็นเจลเหลวที่ใช้ทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวบริเวณที่เป็นส้นเท้าแตก ควรทาไว้ก่อนนอนแล้วสวมถุงเท้าทับ ให้ผิวบริเวณส้นเท้าที่แตกได้ดูดซับความชุ่มชื้นจากเจลไปตลอดคืนในระหว่างที่นอน
  3. ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอ หากมีน้ำในร่างกายน้อย นอกจากจะเกิดอาการปากแห้งคอแห้ง กระทบต่อระบบภายในต่าง ๆ จากภาวะร่างกายขาดน้ำแล้ว ยังส่งผลต่อสภาพผิวที่แห้งแตกได้ด้วย จึงควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณที่ส้นเท้าแตก ให้ผิวฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้
  4. เลือกใช้สบู่ถนอมผิว ไม่ใช้สบู่ที่มีสารเคมีเข้มข้นหรือที่มีส่วนผสมทำให้ผิวแห้งได้ เลือกใช้สบู่ที่ถนอมผิว ไม่ก่ออาการแพ้ ไม่ระคายเคืองผิว และไม่ทำให้ผิวแห้ง

อาการส้นเท้าแตก เป็นปัญหาที่ไม่ควรละเลย การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยขจัดความเจ็บปวดและบาดแผลที่เกิดขึ้น หากไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นใด ก็จะสามารถรักษาส้นเท้าแตกจนหายดี

หากรักษาแล้วไม่ดีขึ้นหรืออาการหนักขึ้น ควรไปพบแพทย์

หากมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าแตกเป็นอย่างมาก หรือมีหนองและอาการไม่บรรเทาแม้พยายามรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ด้วยตนเองแล้ว ควรไปพบแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางที่รักษาเท้า เพื่อตรวจหาการติดเชื้อและรีบรักษาได้อย่างทันท่วงที

การรักษาส้นเท้าแตกโดยแแพทย์

หลังจากตรวจอาการส้นเท้าแตกที่สร้างปัญหาแล้ว แพทย์จะทำการรักษาตามวิธีที่เหมาะสมกับแผลและรอยแตกนั้น เช่น

  • การผ่าตัดเนื้อตาย แพทย์จะตัดเอาผิวหนังแตกบางส่วนที่แข็งและหนาออกไป โดยวิธีการนี้ผู้ป่วยไม่ควรพยายามทำด้วยตนเองที่บ้านเด็ดขาด เพราะอาจตัดเอาเนื้อส่วนอื่นออกไปด้วยและเสี่ยงต่อการเกิดแผลติดเชื้อตามมา
  • การพันปิดบาดแผล แพทย์จะใช้ผ้าพันปิดบาดแผลหรือบริเวณที่ส้นเท้าแตกไว้ เพื่อลดแรงกระเทือนลดรอยแตกหรือการฉีกขาดของผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเคลื่อนไหวร่างกาย
  • การจ่ายยา แพทย์จะจ่ายยาที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการปวดและอาการอักเสบที่เกิดขึ้น หรือยาประเภทครีมที่มีส่วนผสมของยูเรียหรือกรดซาลิไซลิก
  • การเสริมพื้นรองเท้า แพทย์อาจแนะนำให้ใช้แผ่นยางรองรองเท้าเพื่อผ่อนน้ำหนักและแรงกดที่ส้นเท้า ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการและความรุนแรงของอาการส้นเท้าแตกได้

วิธีป้องกันส้นเท้าแตก

  • อาบน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่อาบน้ำร้อนจนเกินไป และไม่แช่เท้าอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน หากต้องอยู่ในสภาพอากาศแห้ง ๆ หรือหนาวเย็น อาจเลี่ยงการอาบน้ำ ไม่อาบน้ำทุกวัน หรืออาบไม่เกินวันละครั้ง และไม่อาบน้ำนาน
  • เลือกสบู่ที่ดีต่อผิว ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง และไม่ขัดเท้า ควรเช็ดล้างทำความสะอาดเท้า และทาครีมบำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • เลี่ยงการสวมใส่รองเท้าแตะ เพราะไม่ถนอมผิวบริเวณเท้า ไม่สวมรองเท้าที่คับและรัดจนเกินไป และควรสลับผลัดเปลี่ยน ไม่ควรสวมรองเท้าคู่เดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน
  • หมั่นสำรวจตรวจเช็คร่องรอย รอยแตก บาดแผล อาการบวม หรือความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณเท้า แล้วหาทางรักษาอย่างถูกวิธี หากไม่ทราบวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเสมอ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก พบแพทย์


"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไรส้นเท้าแตกเกิดจากอะไรและมีวิธีรักษาอย่างไร

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ต้นกำเนิดของปลา

ต้นกำเนิดของปลา


เปิดอ่าน 20,467 ครั้ง
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ

เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ


เปิดอ่าน 22,599 ครั้ง
วันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา


เปิดอ่าน 11,237 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ทำไมถึงต้องใช้บริการบริษัท Digital Agency

ทำไมถึงต้องใช้บริการบริษัท Digital Agency

เปิดอ่าน 11,421 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ช็อกโกแลตชาร์จสมอง ช่วยให้หัวแล่นทำคำนวณได้ไวดี
ช็อกโกแลตชาร์จสมอง ช่วยให้หัวแล่นทำคำนวณได้ไวดี
เปิดอ่าน 10,949 ☕ คลิกอ่านเลย

9 ทริคดี ๆ เพิ่มความจำ อัพสมองให้สดใส
9 ทริคดี ๆ เพิ่มความจำ อัพสมองให้สดใส
เปิดอ่าน 11,341 ☕ คลิกอ่านเลย

รีดเลือดไดโนเสาร์ ซากจมอยู่ในดินตายมาแล้วตั้ง 80 ล้านปี
รีดเลือดไดโนเสาร์ ซากจมอยู่ในดินตายมาแล้วตั้ง 80 ล้านปี
เปิดอ่าน 11,361 ☕ คลิกอ่านเลย

แต่งสีขาว - ดำ ให้ดูโมเดิร์น
แต่งสีขาว - ดำ ให้ดูโมเดิร์น
เปิดอ่าน 15,382 ☕ คลิกอ่านเลย

น้ำผึ้ง...หวานเป็นยา
น้ำผึ้ง...หวานเป็นยา
เปิดอ่าน 15,509 ☕ คลิกอ่านเลย

ค่าตัว 2.8 หมื่นบาทต่อเดือน เผย 3 อาชีพที่นายจ้างต้องการแรงงาน
ค่าตัว 2.8 หมื่นบาทต่อเดือน เผย 3 อาชีพที่นายจ้างต้องการแรงงาน
เปิดอ่าน 18,979 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ขั้นตอนการขอต่อใบอายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ขั้นตอนการขอต่อใบอายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
เปิดอ่าน 56,428 ครั้ง

วัยไหนให้ดูทีวี
วัยไหนให้ดูทีวี
เปิดอ่าน 17,738 ครั้ง

ความหมายของรังสี กัมมันตภาพรังสี และธาตุกัมมันตรังสี
ความหมายของรังสี กัมมันตภาพรังสี และธาตุกัมมันตรังสี
เปิดอ่าน 3,028 ครั้ง

เปรียบเทียบข้อแตกต่าง ป.ตรี 5 ปี กับ ป.ตรี 4 ปี ในการสอบบรรจุครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ครั้งที่ 1/2560
เปรียบเทียบข้อแตกต่าง ป.ตรี 5 ปี กับ ป.ตรี 4 ปี ในการสอบบรรจุครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ครั้งที่ 1/2560
เปิดอ่าน 98,532 ครั้ง

สัญญาณไฟจากรถบรรทุก
สัญญาณไฟจากรถบรรทุก
เปิดอ่าน 13,490 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ