ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ค่ะ สำหรับสภาพอากาศที่แสนร้อนอบอ้าวของเมืองไทย แต่เรามีอีกหนึ่งตัวช่วยเด็ด ที่จะมาทำให้บ้าน คอนโด หรือสำนักงาน อาคารต่าง ๆ ของเพื่อน ๆ เย็นขึ้นทันใจ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย นั่นคือการติดฟิล์มกระจกบ้านกันความร้อนนั่นเอง
ซึ่งนวัตกรรมของฟิล์มกระจกอาคารจะช่วยสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ออกไป และยังป้องกัน UV พร้อมให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้พักอาศัย ดีงามขนาดนี้ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเสียค่าใช้จ่ายเยอะ เพราะเราจะมาสอนทุกคนติดตั้งฟิล์มติดกระจกไปพร้อมกัน รับรองว่าทำง่ายได้ชัวร์ แต่ก่อนจะไปติดเพื่อไม่ให้เสียเงินฟรี ๆ เรามาเช็กลิสต์สิ่งที่ต้องรู้กันก่อนดีกว่าค่า
การติดฟิล์มบ้านนั้น ก่อนอื่น เรามาดูดีกว่าว่าฟิล์มติดอาคารมีแบบไหนกันบ้าง เพื่อให้เลือกได้เหมาะสมกับบ้านหรืออาคารที่เราต้องการทำการติดตั้งนะคะ
ประเภทของฟิล์มติดกระจกอาคาร
-
ฟิล์มดำธรรมดา เป็นฟิล์มกรองแสงเป็นฟิล์มติดกระจกที่สามารถลดปริมาณแสงอาทิตย์ที่เป็นต้นตอปัญหาความร้อนภายในบ้านได้ดี ยิ่งความเข้มของฟิล์มมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกันความร้อนได้ดียิ่งขึ้น แต่จะทำให้ทัศนการมองเห็นลดลงตามไปด้วย เป็นฟิล์มราคาถูกที่สุดเหมาะสำหรับคนประหยัดงบนั่นเอง
ฟิล์มดำที่อยากแนะนำ
-
ฟิล์มใสกันความร้อน จะมีคุณสมบัติในการกันรังสีความร้อน หรือรังสีอิฟราดเรด(IR) ได้ดีมากกว่าฟิล์มดำธรรมดา และไม่ทำลายทัศนียภาพ โดยฟิล์มกรองแสงแบบใสจะยอมให้แสง(VLT)ผ่านมากกว่า 70% ทำให้ยังคงมองเห็นวิวด้านนอกชัดเจน ด้วยเทคโนโลยี Spluttering ซึ่งเป็นกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้ฟิล์มชนิดนี้ราคาค่อนข้างสูงเล็กน้อย แต่ข้อดีนั้นมีมาก เพราะฟิล์มชนิดนี้เหมาะกับคนที่อยู่คอนโดสูง ต้องการชมวิว หรือทำร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ก็ควรเลือกฟิล์มติดกระจกชนิดนี้เช่นกัน
ฟิล์มกันความร้อนที่อยากแนะนำ
-
ฟิล์มประเภทนี้บอกเลยว่าตอบโจทย์ผู้ใช้งานในปัจจุบันอย่างมาก เนื่องจากสามารถกันความร้อนได้ดี แต่มีอัตราการสะท้อนแสงน้อย เพื่อน ๆ คนไหนอยู่คอนโดแล้วมีการจำกัดค่าสะท้อนแสงของฟิล์มบอกเลยว่าฟิล์มเซรามิคสามารถติดตั้งได้ไม่มีปัญหาเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นฟิล์มติดกระจกบ้าน ข้างนอกมองไม่เห็นแต่คนด้านในสามารถมองออกไปเห็นชัด ใส ไม่เสียบรรยากาศการชมวิวเลย
ฟิล์มเซรามิคที่อยากแนะนำ
-
ฟิล์มยี่ห้อ 3M รุ่น Ceramic Ultra Clear
-
ฟิล์มยี่ห้อ SolarFX รุ่น FXtreme
-
ฟิล์มยี่ห้อ Hi-Kool รุ่น Ceramic Black Night
-
เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังมองหาฟิล์มที่มีความเหนียวมากกว่าฟิล์มแบบทั่วไปถึง 3-5 เท่า สามารถป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ เช่น กรณีที่กระจกแตกฟิล์มที่มีความเหนียวจะช่วยไม่ให้กระจกหล่นกระจายสร้างความอันตรายได้ รวมไปถึงยืดเวลาในการทุบกระจกเข้ามาของอาชญากรได้ขอแนะนำติดฟิล์มนิรภัยจะช่วยได้มาก นอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายแล้วฟิล์มประเภทนี้ยังมีคุณสมบัติในการกันความร้อนและช่วยสะท้อนรังสี UV ได้ดีอีกด้วย ใครที่อยากเสริมความปลอดภัยให้กับบ้านและอาคาร แนะนำเลยค่ะ
ฟิล์มนิรภัยที่อยากแนะนำ
-
ฟิล์มชนิดนี้มีความแตกต่างจากฟิล์มชนิดอื่น ๆ ตรงที่มีความสะท้อนแสง (VLR)ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีส่วนผสมของโลหะหลากหลายชนิด เช่น ไทเทเนียม, อะลูมิเนียม, เงิน (ไม่มีส่วนผสมของปรอทที่เป็นอันตราย) เพื่อน ๆ คนไหนที่กังวลว่าความสะท้อนแสงอาจไปรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้อาศัยบริเวณใกล้เคียงก็สามารถเลือกระดับความสะท้อนแสงที่น้อยลงมาได้ ซึ่งข้อเสียของฟิล์มปรอทคืออาจจะมีการรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ได้
ฟิล์มปรอทที่อยากแนะนำ
-
ฟิล์มดำเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับชาวหอ ชาวคอนโด ที่มีกฎห้ามติดฟิล์มที่มีอัตราการสะท้อนแสงสูงอย่างฟิล์มปรอท ซึ่งตัวนี้ก็มีความสามารถในการกันแสง กันความร้อนได้ดีระดับหนึ่ง ลดแสงจ้าได้ดีมาก อีกทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวได้ดีมาก ๆ ป้องกันการมองเห็นจากภายนอกได้ค่อนข้างดี แต่เรายังคงมองออกไปเห็นข้างนอกได้ค่อนข้างชัดเจน สามารถเลือกความเข้มได้ 40 60 80 และราคาไม่สูงมากด้วย
-
บ้านไหนมีปัญหาแมลงบุกบ้าน ก่อความน่ารำคาญใจ ทำไงก็ไม่หาย แนะนำฟิล์มกันแมลงไปเลยค่ะ โดยฟิล์มประเภทนี้จะมีลักษณะพิเศษมีสีเหลืองโปร่งแสง สามารถกันความร้อนและรังสียูวีได้ดี อีกทั้งยังเป็นฟิล์มนิรภัยในตัวอีกด้วย เรียกได้ว่าติดทีเดียวได้คุณสมบัติดี ๆ มาครบเลยค่ะ
-
ฟิล์มประเภทนี้จะมีลักษณะสีทึบแสง 100% แสงไม่สามารถเข้ามาได้เลย เหมาะกับการใช้งานห้องที่ต้องการความมืดมาก ๆ อีกทั้งฟิล์มประเภทนี้ยังกันความร้อนได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
-
สติ๊กเกอร์ฝ้าประเภทนี้มีไว้ตกแต่งภายในเป็นหลักเนื่องจากไม่ค่อยทนทานต่อแสงแดดมากนัก เหมาะกับการติดในห้องทำงาน ห้องน้ำ หรือติดกั้นระหว่างห้องเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวโดยที่ไม่ใช้งบประมาณที่สูงมากนัก
-
ฟิล์มประเภทนี้ได้รับการรับรองว่าช่วยประหยัดพลังงานได้จริง ตามมาตรฐานการทดสอบฟิล์มกรองแสงประเทศไทย โดยศูนย์วิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมาตรฐานจะใช้เกณฑ์ในการวัดค่าการส่งผ่านความร้อนจากแสงอาทิตย์ หรือ SHGC จะต้องมีค่าน้อยกว่า 0.45 จะได้มาตรฐานฟิล์มประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ
ติดฟิล์มกระจกบ้าน ความเข้มเท่าไรดี
แน่นอนว่านอกจากประเภทของฟิล์มแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจไม่แพ้กันคือระดับความเข้มของฟิล์ม ซึ่งต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับแต่ละห้องเพื่อให้มีการใช้งานที่ตอบโจทย์มากขึ้น
-
ห้องนั่งเล่น หรือโซนพักผ่อน ควรเลือกใช้ ความเข้ม 40%
-
โถงบันได และห้องครัว ควรเลือกใช้ ความเข้ม 60%
-
ห้องนอน ควรเลือกใช้ ความเข้ม 80%
ฟิล์มติดกระจก ราคาเท่าไรกันบ้าง
การติดฟิล์มบ้าน ราคาสามารถคำนวณได้โดยปกติจะคิดเป็นตารางฟุต แต่ถ้าเพื่อน ๆ คำนวณไม่สะดวกก็สามารถใช้เป็นตารางฟุตได้เช่นกัน โดย 1 ตารางเมตร จะมีค่าประมาณ 10.8 ตารางฟุต โดยราคามีตั้งแต่ตารางฟุตละ 49-350 บาท แล้วแต่ประเภทและยี่ห้อของฟิล์ม หากเพื่อน ๆ สนใจสอบถามก็ติดต่อมาสอบถามก่อนได้นะคะ ที่ 0922689689
-
ฟิล์มกรองแสงลามินา ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 120 บาท
-
ฟิล์มติดอาคาร Hi-kool ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 75 บาท
-
ฟิล์มติดอาคาร 3M ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 120 บาท
-
ฟิล์มกรองแสง iQue (V-kool) ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 150 บาท
-
ฟิล์มเซรามิค SolarFX, Global ราคาเริ่มต้น ตารางฟุตละ 150 บาท
-
ฟิล์มปรอท HeatGard ราคาเริ่มต้น ตารางฟุต 65 บาท
-
ฟิล์มดำคาร์บอน ราคาเริ่มต้น ตารางฟุต 49 บาท
ตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนติดฟิล์มกระจกบ้าน
-
บริเวณกระจกมีเหล็กดัดหรือไม่
ในกรณีที่มีเหล็กดัดหรือสิ่งกีดขวางการติดตั้งอื่น ๆ อยู่แนะนำให้ทำการถอดออกให้เรียบร้อย เพื่อให้พื้นที่การทำการติดตั้งฟิล์มทำได้สะดวก จะช่วยให้การติดฟิล์มออกมาเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากมีเหล็กดัดที่ไม่สามารถถอดออกได้ ก็ยังสามารถทำการติดตั้งฟิล์มติดกระจกได้ แต่อาจได้ประสิทธิภาพการติดที่น้อยลงตามไปด้วย
-
ต้องดูก่อนว่าขอบกระจกเป็นวัสดุอะไร
แน่นอนว่าขอบกระจกแต่ละชนิดก็ใช้เทคนิคการติดตั้งที่แตกต่างกันออกไป จึงควรทำการตรวจสอบและแจ้งช่างก่อนทุกครั้ง เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
-
ดูความสูงจากของการติดฟิล์ม
หากเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้สูงมากนัก ประมาณ 1-2 เมตร สามารถใช้บันไดช่วยได้ แต่ถ้าสูงมากกว่า 3 เมตรขึ้นไปควรใช้นั่งร้าน แต่หากสูงมากกว่านั้นจำเป็นต้องต่อนั่งร้านสูงมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าพื้นที่ไหนสูงมาก ๆ และเสี่ยงอันตรายเกินไปก็ไม่อาจทำการติดตั้งฟิล์มได้
-
หากมีฟิล์มเดิมอยู่ ต้องลอกออกก่อน
ข้อนี้ก็สำคัญเช่นกันสำหรับลูกค้า เพราะเพื่อน ๆ ต้องทำการแจ้งไปทางช่างก่อนเพราะเขาจะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับลอกฟิล์มเก่า รวมถึงน้ำยาลอกฟิล์มด้วย ซึ่งจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
-
ถ่ายรูปไปให้ช่างประเมินก่อน
หากเพื่อน ๆ ไม่แน่ใจว่าจะสามารถติดตั้งฟิล์มได้หรือไม่ แนะนำให้ลองถ่ายภาพไปให้ช่างประเมินก่อน รวมถึงสามารถประเมินราคาได้ด้วย ซึ่งจะช่วยไม่ให้เสียเวลาเปล่าหากไม่สามารถติดตั้งได้
วิธีติดฟิล์มกระจกบ้าน ที่ถูกต้องแบบง่าย ๆ
-
ตรวจสอบรอยที่กระจกและทำความสะอาดพื้นผิว ไม่ให้มีคราบหรือฝุ่นเกาะ หากมีฝุ่นจะทำให้การติดฟิล์มไม่เรียบเนียนและเกิดฟองอากาศได้
-
วัดขนาดกระจก และตัดฟิล์มตามขนาดที่ต้องการ แนะนำว่าควรเผื่อไว้ประมาณ 1-2 นิ้ว เพราะสามารถตัดออกภายหลังได้
-
ฉีดน้ำยาสำหรับติดฟิล์มให้ทั่ว หรือหากเพื่อน ๆ ไม่มีสามารถใช้แชมพูได้เช่นกัน
-
ลอกไลน์เนอร์ฟิล์มออก ซึ่งเป็นส่วนกันรอยของฟิล์มออกอย่างระวัง
-
ฉีดน้ำยาติดฟิล์มบริเวณด้านกาวของฟิล์ม และกระจก เพื่อช่วยให้ฟิล์มแนบสนิทกับกระจกได้ดีมากขึ้น
-
วางทาบฟิล์มลงบนกระจก จากนั้นขยับตำแหน่งให้ดี แนะนำว่าควรเริ่มติดจากด้านบนไล่ลงมาด้านล่าง
-
ใช้เกรียงรีดให้ฟิล์มติดกับกระจก เพื่อเป็นการไล่ฟองอากาศ รวมถึงไล่น้ำยาติดฟิล์มออกให้หมด ไล่ตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่าง
-
ใช้คัตเตอร์ตัดฟิล์มส่วนที่เกินออกมา ซึ่งขั้นตอนนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
-
ทำการเก็บงานด้วยการรีดไล่ฟองอากาศอีกครั้ง เพื่อความเรียบร้อยของงาน
-
ทิ้งฟิล์มไว้ให้แห้ง โดยอาจจะมองเห็นต่อมน้ำยาติดตั้งระหว่างฟิล์ม โดยทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์จะค่อย ๆ หายไปเอง
วิธีดูแลหลังติดฟิล์ม ติด กระจก บ้าน กัน ความ ร้อน
-
อย่าเช็ดกระจก เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพื่อไม่ให้ฟิล์มติดกระจกเกิดการเลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม
-
อย่าใช้ฝ้าหยาบ ขนแปรง หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ รวมถึงวัสดุที่มีลักษณะหยาบเช็ดกระจกเพื่อจะทำให้เกิดรอยบนฟิล์มได้
-
อย่าใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย เนื่องจากสารแอมโมเนียจะทำปฏิกิริยากับกาวในฟิล์มกระจก ทำให้กาวเสื่อมได้
เป็นอย่างไรบ้างคะเพื่อน ๆ การติดฟิล์มกระจกบ้านด้วยตัวเองนั้นสามารถทำได้ไม่ยากเลย แต่แน่นอนว่าหากเพื่อน ๆ เป็นมือใหม่การติดฟิล์มก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะเหมือนกัน อีกทั้งหากขาดความชำนาญบอกเลยว่าโอกาสที่จะเสียฟิล์มแผ่นนั้นไปแบบฟรี ๆ มีเยอะมาก แนะนำให้ลองอ่านศึกษาขั้นตอนและข้อควรระวังต่าง ๆ จากบทความของเราได้เลย
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ การติดฟิล์มกระจกบ้านสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็จริง แต่เพื่อน ๆ หลายคนก็ไม่มีเวลามากพอ รวมถึงการติดคนเดียวก็ทำได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร ดังนั้นการเลือกใช้บริการจากทีม TOPFILM ถือเป็นเรื่องที่เพิ่มความสะดวกสบายและช่วยให้การติดฟิล์มติดกระจกสุญญากาศดีมากขึ้นอีกด้วย
ตอบ วิธีง่าย ๆ ในการติดฟิล์มกระจกคือ 1. ทำความสะอาดผิวกระจกให้ไม่มีฝุ่นหรือคราบบนกระจก 2. วัดขนาดของกระจกและฟิล์ม โดยแนะนำให้เผื่อฟิล์มให้ใหญ่กว่าประมาณ 1-2 นิ้ว 3. ทำการลอกไลน์เนอร์ฟิล์มออก 4. ค่อย ๆ วางทาบแผ่นฟิล์มลงไป 5. ใช้เกรียงกรีดไล่ฟองอากาศ 6. เก็บงานให้เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนแบบละเอียดเพื่อน ๆ สามารถอ่านในบทความข้างต้นได้เลย
ตอบ ผู้ที่ทำการว่าจ้างและจ่ายค่าติดตั้งจะถือเป็นเจ้าของฟิล์มนั้น ๆ เว้นแต่ว่ามีการย้ายออกและกรรมสิทธิ์ของบ้านหรืออาคาร มิใช่ของตัวเองแล้ว จึงให้เป็นของผู้อื่น
ตอบ การติดฟิล์มด้วยตัวเองช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าติดตั้ง แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไม่อยากเสียเวลามานั่งติดตั้งเองซึ่งก็ไม่รู้ว่าผลงานจะออกมาสวยเรียบเนียนเหมือนมืออาชีพไหมก็สามารถใช้บริการ TOPFILM ได้นะคะ
ตอบ การติดฟิล์มกระจกบ้านคือสิ่งที่ดีมาก ๆ เพราะช่วยทั้งเรื่องของการป้องกันความร้อน ลดแสงจ้า กันแสงยูวี แล้วยังช่วยประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้อีกด้วย
ตอบ แนะนำว่าควรติดตอนที่ยังไม่ทำการติดตั้งเหล็กดัดหรือทำการเพิ่มเติมส่วนของหน้าต่างเพราะจะทำให้การติดฟิล์มทำได้ง่ายมากขึ้น
ตอบ สามารถซื้อได้ที่ Official Website ของแต่ละแบรนด์ หรือร้านขายฟิล์มติดกระจกบ้าน ไทวัสดุ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่อยากเสียเวลาไปเสิร์ชหาฟิล์มเองก็มาใช้บริการของ TOPFILM ได้เลยน้า เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำพร้อมประเมินราคาติดตั้งให้ได้เลยทันที