วันที่ 16 กันยายน 2565 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เรียกประชุมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยเร่งด่วน หลังจากรัฐสภาลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เพื่อเตรียมปรับโครงสร้างรองรับการเปลี่ยนระบบการบริหาร งานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่จะเกิดขึ้นตาม พรบ. ดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องเกณฑ์ PA ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากมีแผนที่จะเปิดในระบบในวันที่ 1 ตุลาคม นี้
เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารของสำนักงาน ก.ค.ศ. ว่า หลังจากที่รัฐสภาลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปเมื่อวานนี้นั้น (15 ก.ย. 65) นั้น ตนเองจึงได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องของสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยเร่งด่วน เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ติดตามและเตรียมการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นไว้บ้างแล้ว สำหรับการประชุมร่วมกับกับคณะผู้บริหารในวันนี้เป็นการหารือและวางแผนตามแนวทางการดำเนินงานที่วางไว้เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ ก.ค.ศ. ออกไปจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแทบทั้งหมด จึงต้องมีการวางแผนการดำเนินที่รัดกุม โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบทันที คือ เรื่องของการยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะที่สำนักงาน ก.ค.ศ. จะเปิดระบบให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ที่มีคุณสมบัติยื่นคำขอผ่านระบบดิจิทัล (DPA) ในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจาก พรบ.ดังกล่าว จะทำให้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเกี่ยวกับเกณฑ์ PA และระบบ DPA ยุติไปเป็นบทบาทหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาแทน ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้วิเคราะห์และเตรียมเสนอแนวทางในการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ ที่เกี่ยวข้องได้แก่ อ.ก.ค.ศ.เกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคลโดยเร่งด่วนในวันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 และ อ.ก.ค.ศ. เกี่ยวกับวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จะประชุมในอังคารที่ 20 กันยายน 2565 หลังจากนั้นจะนำเสนอเป็นวาระด่วนต่อที่ประชุม ก.ค.ศ. ในที่พุธที่ 21 กันยายน 2565 นี้ เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการดำเนินงานและตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวว่าจะเป็นไปในทิศทางใด หากมติที่ประชุมเป็นอย่างไร จะได้แจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ต่อไป
“ร่าง พรบ.ดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย ซึ่งในบทเฉพาะกาลของกฎหมายฉบับนี้ ได้ให้เวลากับคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ออกหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ พรบ.นี้มีผลใช้บังคับ ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ. ก็จะเร่งปรับแก้หลักเกณฑ์ PA และระบบ DPA รวมถึงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดโดยเร็วที่สุดต่อไป”เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าว.
ขอบคุณที่มาจาก สำนักงาน ก.ค.ศ. วันที่ 16 กันยายน 2565