01 ก.ย.2565 - ที่บริเวณถนนทหาร อาคารรัฐสภา ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี สมาคมผู้บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน (แห่งประเทศไทย) ยื่นหนังสือถึงนายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... และนายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ทบทวนการลงมติในร่าง พ.ร.บ. มาตรา 41 และ มาตรา 42 นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ มาสังเกตการณ์ อาทิ นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เป็นต้น
ทั้งนี้สมาคมได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า 1. ให้ฝ่ายบริหารหยุดแทรกแซงกระบวนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติให้มีอิสระในการใช้ดุลยพินิจที่ชอบในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ 2.ให้ กมธ.พิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่เร่งรีบจนเกินไป ให้รับฟังและนำข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้เสียในฐานะผู้ที่จะนำ พ.ร.บ.นี้สู่การปฏิบัติไปแก้ไขให้เป็นร่าง พ.ร.บ. ที่สมบูรณ์ที่สุด และที่ทุกคนยอมรับ 3. ให้ทบทวนกฎหมายที่ลิดรอน สถานะ สิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานและไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดกระทรวงเดียวกัน 4. ในการจัดโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการต้องไม่เป็นระบบ Single command เพื่อไม่ให้มีแรงกดทับ การมีอิสระทางความคิดของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 5. ถ้าหาก กมธ.หรือสมาชิกรัฐสภา ยังมีแนวคิดที่จะคงร่างเดิมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้ทั้งหมด โดยไม่รับฟังเหตุและผลของผู้มีส่วนได้เสีย องค์กรครูทั่วประเทศไม่อาจไว้วางใจ กมธ. และสมาชิกรัฐสภา ที่ไม่มีอิสระทางความคิด ก็ไม่สมควรที่จะรับผิดชอบพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ต่อไป
ในขณะที่นายปรีดา กล่าวว่า วันนี้มาด้วยหัวใจ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไม่ต้องการให้เรามีสวัสดิการอะไรเลย ทำให้เราเดือดร้อน และในฐานะที่เคยเป็นครูมาก่อน ซึ่งวิธีที่จะสำเร็จคือเราต้องร่วมมือกันผลักดันให้ได้มากที่สุด วันหนึ่งเราอาจพบกันที่สนามศุภชลาศัยสัก 5 หมื่นคน ให้รัฐบาลได้รู้ว่าความเดือดร้อนของครูและการศึกษามีอะไรบ้าง เราต้องการพัฒนาคนเพื่อมาพัฒนาชาติ ในขณะเดียวกัน ถ้าเขาไม่พัฒนาคนเขาจะพัฒนาชาติได้อย่างไรฉะนั้นกระบวนการระหว่างสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ต้องเป็นแนวทางเดียวกัน การแก้ปัญหาจึงจะสำเร็จ เราใช้เวลาปฏิรูปการศึกษามานาน และมาถึงวันนี้การศึกษาจะล้มเหลวไปเรื่อยๆ โดยวันนี้ในฐานะ ส.ส. มีเพียงหนึ่งเดียวในนามของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน แต่เลือกตั้งครั้งหน้าของให้เข้ามากันเยอะๆ มาเป็นส.ส.ให้มากที่สุด มากำหนดชะตาของประเทศให้ได้ การเมืองเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาประเทศได้ ถ้าเราหนีการเมืองเมื่อไหร่เราจะแก้การเมืองไม่ได้เลย
Advertisement
ด้านนายตวง กล่าวว่า รัฐมนตรี รองนายกฯ หรือนายมีชัย ฤชุพันธ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่เคยติดต่อกัน สิ่งที่ทำทั้งหมดทำด้วยจิตวิญญาณ ครูหลายคนทราบว่าเราสู้ให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคลมาก่อนปี 2542 ซึ่งทำไม่ได้ แต่ในวันนี้สามารถทำได้แล้วหากไม่เกิดการยุบสภาก่อน ส่วนในเรื่องของมาตรา 41 เราตระหนักดีว่าจะต้องเขียนกฎหมายเพื่อให้คนที่เป็นพลังสำคัญในการศึกษาของชาติได้อยู่ในกฎหมาย หากไม่ปรากฏในกฎหมายแม่ก็จะเกิดปัญหาในอนาคต น้อมรับที่ท่านหลายเสนอมานำไปทบทวนในรอบที่ 2 แต่จะได้คะแนนเท่าไรก็ต้องติดตามต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการยื่นหนังสือ สมาคมได้ทำกิจกรรมยืนไว้อาลัย 1 นาที และมีการวางพวงหรีดไว้ข้างป้ายอาคารรัฐสภา ที่มีการเขียนข้อความว่า “ขอไว้อาลัยแด่… ความกล้าหาญทางจริยธรรมของ กมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ…” โดยผู้ที่มาร่วมยื่นหนังสือมีประมาณกว่า 1,000 คน ทั้งหมดได้มีการสวมชุดดำ นอกจากนี้ยังมีการชูป้ายข้อความต่างๆ อาทิ เราไม่เอา พ.ร.บ.ที่ไม่รับฟังเสียงองค์กรครูและนักเรียน อย่างไรก็ตาม ได้มีตำรวจของทางสภาคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับสมาคม
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 1 กันยายน 2565