นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้หารือกับธนาคารออมสิน ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยมีความเห็นร่วมกันว่า ต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนสูง ได้แก่ กลุ่มลูกหนี้ของธนาคารออมสินที่ถูกฟ้องร้องและบังคับคดี ซึ่งมีจำนวน 6,331 ราย และหากรวมผู้ค้ำประกันด้วย จะมีจำนวนมากถึง 20,000 ราย ให้ได้รับความช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยหนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลุ่มนี้ได้เข้ามาไกล่เกลี่ย เจรจา ปรึกษา ปรับโครงสร้างหนี้ หาข้อยุติการบังคับคดีและแก้ไขปัญหาหนี้สินร่วมกัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ธนาคารออมสิน และ ศธ. จึงกำหนดให้มีการจัดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครู” โดยในเดือนกันยายน 2565 จะจัดงานจำนวน 1- 3 จังหวัด ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเป็นสถานีแก้หนี้ และจัดงานพร้อมกันทุกจังหวัดในเดือนตุลาคม 2565 โดย ศธ.จะจัดส่งรายชื่อลูกหนี้ของธนาคารออมสินกลุ่มที่มีคดีพิพาทก่อนฟ้องและหลังศาลมีคำพิพากษาที่อยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ให้กับสถานีแก้หนี้ เพื่อเชิญลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวและผู้ค้ำประกันเข้าร่วมงาน เพื่อไกล่เกลี่ยหนี้ ตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด
ขณะเดียวกัน ธนาคารออมสินแจ้งผู้แทนหน่วยงานในพื้นที่ และกลุ่มลูกหนี้ของธนาคารออมสินกลุ่มที่มีคดีพิพาทก่อนฟ้องและหลังศาลมีคำพิพากษาในพื้นที่อีกทางหนึ่ง เพื่อจัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และจัดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ในวันงาน เช่น ข้อมูลมูลหนี้ก่อนฟ้องและหลังฟ้อง มาตรการ/แนวทางให้ความช่วยเหลือเป็นรายบุคคล โดยมีสถานีแก้หนี้ทำหน้าที่ในการประสานงาน รวบรวมข้อมูล และเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยร่วมกับธนาคารออมสินและลูกหนี้
สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครู จะได้รับสิทธิประโยชน์เบื้องต้น ได้แก่ การปรับโครงสร้างหนี้ การขยายเวลาการชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ยและลดค่างวดรายเดือน ไม่ถูกฟ้อง/ไม่ถูกบังคับคดี งดยึดทรัพย์สิน/งดขายทอดตลาด และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น การถอนจากการเป็นผู้ค้ำประกันโดยการยอมรับชำระหนี้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้อง การปิดสัญญาชำระหนี้ เป็นต้น
มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครูในครั้งนี้ จะช่วยให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารออมสิน สามารถพูดคุยตกลงแก้ไขปัญหาหนี้กับธนาคารออมสินได้ โดยไม่ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ไม่เสียเวลา และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลในการสู้คดี ขณะเดียวกันธนาคารออมสินยังคงได้รับประโยชน์จากการที่ได้รับชำระหนี้คืน เพราะลูกหนี้ก็ยังคงต้องผ่อนชำระหนี้อย่างต่อเนื่องเช่นเดิม และส่วนที่สำคัญข้อมูลจะนำไปสู่การไกล่เกลี่ยหนี้ของสถานีแก้หนี้ครูกับเจ้าหนี้รายอื่น เพื่อให้ครูมีเงินเดือนเหลือสุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 อย่างแท้จริง
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ศธ 360 องศา