เมื่อไหร่ก็ตามหากธุรกิจของคุณสามารถคิดค้นนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกใบนี้ การจดสิทธิบัตรจะเป็นตัวช่วยป้องกันการถูกลอกเลียนแบบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งคุณยังสามารถพัฒนาสิ่งเหล่านั้นได้ต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์อันทรงประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งปัจจุบันการจดสิทธิบัตรนี้มีทั้งสิทธิบัตรในไทย และสิทธิบัตรระบบ PCT หรือ สิทธิบัตรทั่วโลก คำถามคือแล้วธุรกิจแบบไหนควรเลือกจดแบบหลัง ผู้ประกอบการที่มีไอเดียสร้างสรรค์สิ่งใหม่ต้องรู้ไว้เลย
การจดสิทธิบัตรระบบ PCT หรือ สิทธิบัตรทั่วโลก คืออะไร
การจดสิทธิบัตรระบบ PCT หรือ สิทธิบัตรทั่วโลก คือ ปกติแล้วเมื่อพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วต้องการได้รับความคุ้มครองในประเทศไหน ก็ต้องทำการจดสิทธิบัตรตามเงื่อนไของประเทศนั้น ๆ ส่งผลให้เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาแตกต่างออกไป บางประเทศอาจให้ผ่าน แต่บางประเทศก็ไม่ผ่านตามเงื่อนไข ส่งผลให้ไม่มีมาตรฐานในการพิจารณาอย่างชัดเจน
ตรงนี้เองจึงทำให้เกิดแนวคิดในการจดสิทธิบัตรระบบ PCT ซึ่งเป็นสนธิสัญญาความร่วมมือในด้านสิทธิบัตร ทุกประเทศที่เป็นสมาชิกได้มีความเห็นจัดตั้งองค์กรร่วมสำหรับใช้ยื่นจดสิทธิบัตรโดยเฉพาะ หากต้องการจดแบบ PCT ก็ต้องดำเนินการผ่านองค์กรนี้เท่านั้น ทางองค์กรจะทำการตรวจสอบตามแบบรวมศูนย์ จากนั้นผลของการพิจารณาออกมาเป็นเอกสารสายงาน
ซึ่งในปัจจุบันมีหลายบริษัทในไทยที่เริ่มเปิดให้บริการ
รับจดสิทธิบัตรทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการในยุคนี้
ธุรกิจประเภทไหนควรจดสิทธิบัตรทั่วโลก
หลังจากเข้าใจกับรูปแบบการจดสิทธิบัตรทั่วโลก หรือ PCT กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่าหากคุณคือผู้ประกอบการจะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจตนเองเหมาะกับการจดสิทธิบัตรประเภทนี้?
คำตอบก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดหลัก ๆ แล้วหากคุณทำธุรกิจในด้านเทคโนโลยี การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ หรือแม้แต่สินค้าทั่วไปก็ตามแต่มีแนวคิดสร้างความแตกต่างไปจากท้องตลาดที่มีอยู่ก็สามารถดำเนินการจดสิทธิบัตรทั่วโลกได้เลย
ตัวอย่างธุรกิจที่เห็นภาพชัดเจน เช่น ธุรกิจด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มักมีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาอยู่เสมอ, สินค้ากลุ่มไอที หรือจริง ๆ แล้วแม้แต่สินค้าพื้นถิ่นแต่มีการสร้างสรรค์ให้เกิดความแปลกใหม่ พร้อมทั้งอยากวางขายทั้งในประเทศและต่างประเทศก็สามารถเลือกดำเนินการจดสิทธิบัตรทั่วโลกได้เช่นกัน
จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดบอกได้ชัดเจนว่าการจดสิทธิบัตรระบบ PCT เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจและให้ความสำคัญ เป็นการลดปัญหาโดนกระทำซ้ำ ลอกเลียนแบบ ไปจนถึงการนำเอาแนวคิดสิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีของคุณไปใช้ทั้งที่ไม่มีการขออนุญาต หรือการก็อปปี้แบบเห็นกันชัดเจน แถมยังสามารถนำเสนอได้ทั่วโลกไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่างหาก ความ Worldwide นี้จะเพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างแน่นอน