นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา เปิดเผยว่าได้ติดตามการดำเนินการของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งเป็นองค์กรที่รัฐคาดหวังว่าจะมีส่วนช่วยสถานศึกษาในการยกระดับคุณภาพการศึกษา แต่กลับพบว่า สมศ.มีการดำเนินการที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดความเสียหายต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีการดำเนินการที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนี้
ข้อ ๑ มาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม บัญญัติไว้ว่า “ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผล การจัดการศึกษา ที่มิใช่การจัดการอุดมศึกษาซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ ...ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาอย่างน้อย หนึ่งครั้ง ในทุกห้าปีนับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้าย...” แต่จากข้อมูลข้อเท็จจริงที่ปรากฏพบว่า มิได้มีการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดกล่าวคือ ผู้บริหารของ.สมศ คนปัจจุบันได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามีสถานศึกษาที่ไม่ได้รับการประเมินมาเป็นเวลา ๗-๑๐ ปีอยู่ถึงสองหมื่นกว่าแห่งและที่ปรึกษาสำนักงาน (ศ.ดร.อุทุมพร จรมรมาน) เคยเสนอแนะผู้บริหาร สมศ.คนดังกล่าวว่าขอให้เร่งดำเนินการประเมินสถานศึกษาเหล่านั้นก่อน ก่อน แต่ผู้บริหาร สมศ.ไม่ได้ดำเนินการประเมินสถานศึกษาเหล่านั้น ตามมาตรา ๔๙ หากแต่มุ่งทำงานเพียงให้ได้เชิงปริมาณตามเป้า โดยได้ทำการประเมินสถานศึกษาที่เพิ่งได้รับการประเมินยังไม่ครบห้าปี แทนที่จะให้ความสำคัญกับสถานศึกษาที่ว่างเว้นจากประเมิน มาแล้วเป็นเวลา ๗-๑๐ ปี ส่งผลให้ สถานศึกษาดังกล่าวไม่ได้รับการพัฒนาอย่างมีทิศทางตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งหากผู้บริหาร สมศ.ให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าว ย่อมอยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการประเมินได้หมดภายในช่วงสองปีที่ครองตำแหน่งอยู่ แต่กลับนำเสนอต่อสื่อและประชาชนว่า “ดำเนินการประเมินได้สูงกว่าค่าเป้าหมาย”
ข้อ ๒ มาตรา ๔๗ แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ บัญญัติไว้เป็นสาระสำคัญว่า “...ระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง” ทั้งนี้สมาคมขอเรียนว่ากระทรวงศึกษาธิการได้มีการประกาศให้ใช้มาตรฐานการศึกษาระดับประถมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ ฉบับลงวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๑ โดยได้กำหนดมาตรฐานไว้เพียงสามมาตรฐานคือ ด้านคุณภาพผู้เรียน ด้านกระบวนการบริหารจัดการและด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในส่วนการดำเนินการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาต่างๆก็ได้ดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าวและในการรายงานข้อมูลเพื่อให้ผู้ประเมินภายนอกรับทราบก็ดำเนินการตามมาตรฐานและตัวชี้วัดที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด แต่ สมศ.ภายใต้การนำของผู้บริหาร สมศ.ยุคปัจจุบันกลับไปจัดทำมาตรฐานในการประเมินภายนอกถึง ๘ มาตรฐานโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด การดำเนินการของ สมศ.เช่นนี้จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และยังเป็นการสร้างภาระเพิ่มขึ้นให้กับสถานศึกษาที่จะต้องจัดทำรายงานเพื่อนำเสนอผู้ประเมินขึ้นอีกหนึ่งชุดและมีมาตรฐานเกินความจำเป็นถึง ๘ ด้าน ซึ่งขัดกับกฎกระทรวง และเป็นการสร้างภาระเพิ่มขึ้นกับสถานศึกษา
ข้อ ๓ สมศ.ได้ตั้งรักษาการผู้อำนวยการคนปัจจุบันมาเป็นเวลานานมาก สมาคมทราบข้อมูลว่าในการแต่งตั้งผู้รักษาการผู้อำนวยการดังกล่าว ไม่มีความถูกต้องชอบธรรมตามหลักกฎหมาย ทั้งๆ มีประเด็นการดำเนินงานที่ขัดกับมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ดังที่นำเรียนไว้แล้วในข้อ ๑ จึงขอให้ท่านตรวจสอบการแต่งตั้งดังกล่าวว่าเป็นไปตามพระราชกฤษฎีจัดตั้ง สมศ. หรือไม่ อย่างไร
ข้อ ๔ การที่ผู้บริหารระดับสูงของ สมศ. บางรายได้เสนอขอเลื่อนขั้นเงินเดือนของตนเองมากกว่า ๖๐ เปอร์เซ็นต์ และมีการอนุมัติให้เลื่อนขั้นเงินเดือนตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งๆที่ละเลยไม่มีการประเมินสถานศึกษาตามมาตรา ๔๙ เป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันแห่ง การเสนอเลื่อนขั้นเงินเดือนตัวเองมากถึงขนาดนี้ย่อมต้องถูกสงสัยได้ว่ามีการรายงานข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริงต่อผู้มีอำนาจในการพิจารณาหรือไม่ จึงขอให้ท่านรัฐมนตรี ได้โปรดตรวจสอบและทำความจริงให้กระจ่าง
“ขอให้ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลหน่วยงาน สมศ. ได้โปรดกำกับดูแลให้หน่วยงานนี้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดในทุกประเด็น และปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนคาดหวังว่าจะทำให้การศึกษามีคุณภาพสูงขึ้น การเสนอเลื่อนขั้นเงินเดือนตัวเองของผู้บริหาร สมศ.มากถึงหกสิบกว่าเปอร์เซนต์ นั้น ก่อนคิดและตัดสินใจขอให้นึกถึงครูที่ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่ได้เลื่อนเงินเดือนไม่กี่ร้อยบาท เท่านั้น ด้วย “ นายรัชชัยย์ ฯ กล่าวในที่สุด