ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1


บทความการศึกษา 6 ก.ค. 2565 เวลา 09:22 น. เปิดอ่าน : 6,517 ครั้ง
Advertisement

ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1

Advertisement

สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1 ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย

 
วนกลับมาถึงฤดูกาลสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันอีกครั้ง ช่วงเวลาที่เด็กทุกคนต้องใช้ความพยายามทั้งหมดตลอดปีการศึกษาของตัวเองในการติวเข้ม เพื่อเข้าสู้ในสนามสอบแข่งขันสู่คณะและมหาวิทยาลัยที่ฝันไว้ ถือเป็นก้าวแรกของการสอบครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ทั้งความฝันของตัวเองและความคาดหวังของผู้ปกครองที่ส่งเสียให้เรียนพิเศษมากมาย ในบางประเทศถือเป็นวาระแห่งชาติ วันตัดสินชะตาชีวิตต่อจากนี้และอนาคตการทำงานที่แบ่งระดับจากมหาวิทยาลัยที่สอบผ่านกันเลยทีเดียว แต่ละที่ทั่วโลกเป็นแบบไหนบ้าง วันนี้ขอยกตัวอย่าง 6 ประเทศมาสรุปให้ครับ
 
 
 
เริ่มต้นที่บ้านเรากันก่อนอย่างประเทศไทยที่มีประเด็นอ่อนไหวเรื่องการสอบ โควิด-19 เข้ามาเป็นอุปสรรคจนทำให้เด็กที่โชคร้ายป่วยเป็นโควิดหมดสิทธิ์เข้าสอบกันเลย ซึ่ง ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ ผู้จัดการระบบสมัครสอบ TCAS65 ให้เหตุผล 3 ข้อว่า
  • ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคปี 58 กำหนดไว้ว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 หรือมีโรคติดต่อจะไม่สามารถออกมาจากสถานที่กักตัวได้ เพื่อลดการติดต่อ
  • การจัดการสนามสอบต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ฉะนั้นการจัดสอบในโรงพยาบาลจึงไม่อาจจัดให้มีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงไม่สามารถนำข้อสอบที่ปนเปื้อนเชื้อโควิดไปบริหารจัดการได้
  • การใช้ข้อสอบคนละชุด ในกรณีหากมีการจัดสอบรอบ 2 จะทำให้มีความได้เปรียบ-เสียเปรียบ เนื่องจากเวลาอ่านหนังสือไม่เท่ากันและข้อสอบคนละชุดกัน อาจไม่โปร่งใส
 
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าผู้ที่ขาดสอบสามารถเลือกคณะต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้คะแนนสอบได้มากกว่า 1,600 เงื่อนไข หรือ นักเรียนอาจต้องรอสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้านั่นเอง โดยประเทศไทยของเรามีระบบที่ออกแบบโดยที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ชื่อว่า TCAS เข้ามาดูแลการต่อระดับอุดมศึกษาของเด็กไทยทั่วประเทศรวมมหาวิทยาลัยไว้ทั้งหมด 82 แห่ง ดำเนินการภายใต้ระบบ myTCAS ในการจัดการสิทธิ์การสมัครทั้ง 4 รอบ โดยในรอบ TCAS65 นี้เด็กนักเรียนต้องเข้าสอบผ่านระบบสอบกลาง คือ GAT PAT วิชาสามัญและวิชาเฉพาะก่อนที่จะนำคะแนนมาใช้ยื่นในแต่ละรอบตามเงื่อนไขที่มหาวิทยาลัยกำหนดทั้ง 4 รอบได้แก่
 
1. Portfolio เป็นรอบความสามารถพิเศษ ยื่นตรงกับมหาวิทยาลัยใช้แฟ้มสะสมผลงาน, GPAX (เกรดเฉลี่ย) 4 หรือ 5 ภาคเรียน (บางโครงการ) ,สอบสัมภาษณ์ และมีการทำข้อสอบในบางคณะ
 
2. Quota โควตาตามกฎเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น โควตาโรงเรียนที่มีเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โควตาเรียนดี / มีความสามารถพิเศษ, โควตาเขตพื้นที่, โควตากระจายโอกาสให้เด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือโควตารูปแบบต่าง ๆ ใช้คะแนนสอบกลาง (GAT, PAT, วิชาสามัญและวิชาเฉพาะ) อาจมีการใช้ GPAX (เกรดเฉลี่ย) แฟ้มสะสมผลงานและมีการทำข้อสอบในบางคณะ
 
3. Admission รอบรับตรงร่วมกันเปิดพร้อมกันทุกมหาวิทยาลัยกว่า 82 แห่ง โดยยื่นผ่านโดยประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ใช้เพียงคะแนนสอบกลาง (GAT, PAT, วิชาสามัญและวิชาเฉพาะ) ให้มหาวิทยาลัยพิจารณาก่อนส่งให้ ทปอ. ประมวลและประกาศผล
 
4. Direct Admission รอบเก็บตกสุดท้ายเปิดบางมหาลัยเกณฑ์และเงื่อนไขขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย
 
ภาพจาก hallyukstar.com
 
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้ระบบสอบกลางวันนี้ ยกตัวอย่างประเทศที่เคร่งเครียดกับการสอบที่ทั้งประเทศให้ความสำคัญอย่าง เกาหลีใต้ ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติทั้งประเทศในวันสอบห้างสรรพสินค้าและตลาดหลักทรัพย์จะเปิดช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง ในช่วงการทดสอบการฟังภาษาอังกฤษจะห้ามเครื่องบินบินผ่านเพราะเสียงเครื่องบินอาจจะรบกวนการสอบได้ รวมถึงระบบขนส่งมวลชนในประเทศจะคอยบริการรับ-ส่งนักเรียนให้ทันช่วงเวลาสอบ แถมสำนักข่าวทุกช่องจะคอยรายงานข่าวการสอบทั้งวัน ระบบสอบกลางนั้นคือ College Scholastic Ability Test (CSAT) หรือที่หลายคนรู้จักว่า “ซูนึง (수능)” เป็นการสอบพร้อมกันทั้งประเทศจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤศจิกายนของทุกปีใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง โดยวิชาที่จัดให้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ วิชาภาคบังคับได้แก่ ภาษาประจำชาติ คณิตศาสตร์ภาษาอังกฤษ ประวัติศาสตร์เกาหลี และวิชาเลือก ได้แก่ สังคมศึกษา วิทยาศาสตร์และอาชีวศึกษา สามารถเลือกสอบได้มากที่สุดหมวดละ 2 วิชา และภาษาต่างประเทศ แบ่งออกเป็น ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย ภาษาอาหรับ ภาษาเวียดนามพื้นฐาน และ อังจา (อักษรจีน-เกาหลี) โดยนักเรียนจะต้องเลือกสอบ 1 วิชา หลังสอบจะประกาศผลทันที และให้เด็กนำคะแนนไปยื่นตามมหาวิทยาลัยที่ต้องการสามารถยื่นได้ทั้งรัฐบาลและเอกชน เด็กเกาหลีต้องสอบซูนึงทุกคนเนื่องจากทุกมหาวิทยาลัยใช้คะแนนซูนึงเป็นหลักประกอบหากสอบไม่ผ่านสามารถสอบได้ใหม่ในปีหน้า ไม่จำกัดอายุในการสอบ เห็นได้ชัดว่าการสอบและการเรียนของเด็กเกาหลีถือว่าหนักหน่วงมาก เด็กเกาหลีส่วนมากเริ่มติวการสอบซูนึงตั้งแต่เรียนมัธยมต้น และยังมีโรงเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมตัวสอบซูนึงตั้งแต่ระดับอนุบาล หากติดมหาวิทยาลัยในกลุ่ม SKY ที่เป็นสุดยอดมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเกาหลี ซึ่งได้แก่ Seoul National University, Korea University และ Yonsei University ได้จะเป็นก้าวแรกที่สดใสในอนาคตข้างหน้าอีกด้วย
ประเทศต่อมาที่เข้มข้นไม่แพ้กันอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ใช้ระบบสอบกลางเช่นกันคือ The National Higher Education Entrance Examination หรือ Gaokao (อ่านว่า เกาเข่า) การสอบจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 7-8 มิถุนายนของทุกปี จัดสอบทั้งหมด 2 วันสำหรับวิชาที่จำเป็นต้องสอบมีทั้งหมด 4 วิชาแบ่งเป็นวิชาบังคับ วิชาภาษาจีน วิชาคณิตศาสตร์ ​วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาเลือกสอบอย่างวิชาทางสายศิลป์ สอบวิชาภูมิศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์ และวิชาการเมืองการปกครองของประเทศจีน และสายวิทย์ คือ วิชาฟิสิกส์ วิชาเคมี และวิชาชีวะ จะมีการสอบพิเศษเกี่ยวกับภาษาที่จัดสอบในอีกวันหนึ่งจัดสอบเพียงบางแห่งเท่านั้น เช่น วิชาภาษามองโกล ภาษาเกาหลี ฯลฯ การสอบ Gaokao มีคะแนนรวม 750คะแนน ถ้าคะแนนสูงก็มีโอกาสที่จะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ 5 อันดับ ได้แก่ มหาวิทยาลัยชิงหัว มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติจีน มหาวิทยาลัยจงซาน และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ส่วนภาควิชาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากสถิติการค้นหา 5 อันดับแรก ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิศวกรรมหุ่นยนต์ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วิศวกรรมด้านฐานข้อมูลใหญ่ (Big Data) และเอกวิชาทางด้านการแพทย์ การเตรียมตัวสอบของโรงเรียนในจีนเข้มมากเนื่องจากการแข่งขันเรื่องหน้าตาทางสังคม และการจัดอันดับโรงเรียนทำให้ในช่วงปีสุดท้ายของมัธยมอาจารย์ประจำชั้นจะติดตามนักเรียนทุกคนอย่างใกล้ชิด มีการติวในโรงเรียนอย่างหนักหลังจากเลิกเรียนแล้วบางโรงเรียนยังจัดให้นักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายต้องอยู่โรงเรียนเพื่ออ่านหนังสือและจัดติวหลังเวลาอาหารเย็น โดยปัญหาการแข่งขันสูงในจีนทำให้มีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่พอมีฐานะตัดสินใจส่งลูกหลานตัวเองไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงความกดดันจากการสอบส่งผลให้เกิดภาวะสมองไหลเกิดขึ้นในจีนอย่างมาก
 
ประเทศต่อมาที่ขึ้นชื่อว่าการศึกษาดีที่สุดติดอันดับโลกอย่าง ฟินแลนด์ก็มีการสอบผ่านระบบกลางเช่นกัน โดยจัดสอบ 2 ครั้งใน 1 ปี คือ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง มีระบบการสอบที่ชื่อว่า Matriculation Examination จะจัดให้สอบทั้งหมด 4 วิชาแบ่งเป็นวิชาบังคับ 3 ตัว คือ ภาษาฟินแลนด์และภาษาสวีเดน ภาษาต่างประเทศ 1 ภาษา วิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งภาษาต่างประเทศและคณิตศาสตร์สามารถเลือกระดับความยากในการสอบได้เอง และวิชาเลือกให้เลือก 13 วิชา สามารถเลือกสอบกี่ตัวก็ได้อย่างน้อย 1 ตัว ส่วนมากเป็นวิชาเกี่ยวกับคณะที่สนใจศึกษาต่อ ข้อดีของการสอบคือหากผลคะแนนออกมาไม่ดียังมีเวลาให้แก้ตัวอีก 2 สนาม ในฤดูกาลหน้าและเลือกผลคะแนนที่ดีที่สุดมาใช้ในการสมัคร
 
 
นอกจากระบบกลางแล้วยังมีบางประเทศใช้มาตรฐาน A-Level เป็นตัวสอบจบการศึกษาเพื่อนำคะแนนสอบไปยื่นเข้ามหาลัย A-Level มีชื่อเต็มว่า The General Certificate of Education Advanced Level Certificate – GCE A Level โดยให้เลือกเรียน 3-4 วิชาจากจำนวนที่หลากหลายวิชาของ A-Level ที่โรงเรียนเปิดสอนซึ่งวิชาเหล่านี้จะต้องเกี่ยวข้องกับคณะที่ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาจึงต้องตรวจสอบก่อนว่าสาขาและมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าศึกษาต่อกำหนดไว้อย่างไร และจะมีการสอบวัดผลคะแนนออกมาเป็นเกรด A* A B C D E ในมหาวิทยาลัยชั้นนำจะกำหนดเกรดไว้หากอยากติดมหาลัยดี ๆ ต้องได้เกรด A ทุกวิชา ข้อดีคือสามารถขอสอบใหม่ได้จนกว่าจะได้เกรดที่ต้องการ
 
ยกตัวอย่างให้ดูกันกับประเทศอังกฤษที่ใช้ A-Level เป็นคะแนนหลักในการยื่นศึกษาต่อปริญญาตรี โดยขั้นต่ำจะพิจารณาคะแนน A-Level ที่เกรด C ขึ้นไปรวมกับ ใบรับรองผลการเรียน ใบรับรองจากสถาบันการศึกษา ผลคะแนน IELTS/TOEFL (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) จดหมายแนะนำจากอาจารย์หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือได้ เรียงความที่จะทำให้กรรมการผู้คัดใบสมัครรู้จักเรามากขึ้นและ Resume จากนั้นยื่นความประสงค์ศึกษาต่อผ่านระบบ Universities and Colleges Admissions Service หรือที่เรียกว่า “UCAS” สามารถเลือกมหาลัยที่ต้องการศึกษาต่อได้ 5 แห่ง UCAS จะส่งข้อมูลให้มหาลัยพิจารณาและส่งจดหมายตอบรับกลับมา หากติดมากกว่า 1 ที่นักเรียนมีสิทธิ์เลือกได้ว่าอยากได้ที่ไหนมากที่สุด
 
ประเทศสุดท้ายขยับเข้ามาใกล้บ้านเรามากขึ้นอย่างสิงคโปร์ที่ใช้ระบบ A-Level มาเป็นคะแนนในการยื่นตรงกับมหาวิทยาลัยเช่นกัน แต่ที่พิเศษกว่าคือ ระดับการศึกษาภาคบังคับของสิงคโปร์จะให้เรียนเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น และจะมีทางแยกให้เลือกว่าต้องการไปต่อ 2 สาย ได้แก่ 4 Year Normal ที่จะศึกษาต่อในระดับสายอาชีพ หลังจบ 4 ปีจะต้องสอบ N-Level เพื่อเรียนต่อ 1 Year Foundation หลังจากนั้นก็เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโปลิเทคนิคและอีกอย่างหนึ่งคือ 4 Year Express จะเป็นการเรียนต่อเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยโดยหลังจากจบ 4 ปีต้องสอบ O-Level เพื่อเข้าศึกษาต่อ Junior College อีก 2 ปี เทียบเท่ากับการเรียน A-Level ในประเทศอังกฤษ วิชาที่เรียนจะเป็นวิชาเลือกที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาต่อในคณะต่าง ๆ หลังจากเรียนจบแล้วเข้าสอบประมาณเกรดด้วยระบบ A-Level และนำคะแนนนี้ไปยื่นตรงกับมหาวิทยาลัยที่ต้องการศึกษาต่อ
 
ยังมีอีกหลายรูปแบบในบางประเทศที่ใช้ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันไป จริง ๆ แล้วระบบการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นตัวสะท้อนสังคมออกมาจากแนวคิดการศึกษาของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี บางประเทศให้ความสำคัญกับอันดับของมหาวิทยาลัยว่าถือเป็นหน้าตาและฐานะทางสังคมส่งผลต่อความเครียดและสุขภาพจิตเด็กในประเทศอย่างมาก สะท้อนความเหลื่อมล้ำอีกมากมายเช่นองค์ความรู้ของมหาลัยท็อประดับประเทศดีกว่ามหาลัยทั่วไปอย่างนั้นหรือ? บางครอบครัวที่ฐานะดีเด็กก็ได้รับการเรียนพิเศษที่ติวเข้มมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ หรือในบางประเทศให้ความสนใจในการปูพื้นฐานเพื่อวิชาชีพตั้งแต่ชั้นมัธยมเพื่อการเรียนต่อในมหาลัยอย่างมีพื้นฐาน ระบบเหล่านี้ทำให้เรามองย้อนกลับไปหาคำตอบว่าเราพยายาม ทุ่มเท สอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเนื่องจากเหตุผลใดนอกจากการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และทำไมระบบการศึกษาถึงยังคงไม่เท่าเทียมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก www.attanai.com
 

 


ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย:สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษาEP.1

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล


เปิดอ่าน 8,549 ครั้ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง

ภาษาอังกฤษไม่แข็ง


เปิดอ่าน 10,369 ครั้ง
จัดอันดับทุนมนุษย์

จัดอันดับทุนมนุษย์


เปิดอ่าน 8,079 ครั้ง
การศึกษาไทย 2.0

การศึกษาไทย 2.0


เปิดอ่าน 13,025 ครั้ง
โอเน็ต!ยัง โอเค?

โอเน็ต!ยัง โอเค?


เปิดอ่าน 9,344 ครั้ง
บทบาทผู้นำองค์กร 2020

บทบาทผู้นำองค์กร 2020


เปิดอ่าน 8,800 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ยุบ ศธจ.ศจภ? : การทับซ้อนของอำนาจบริหาร? โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก

ยุบ ศธจ.ศจภ? : การทับซ้อนของอำนาจบริหาร? โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก

เปิดอ่าน 18,719 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เด็กไทยเป็นอัจฉริยะ 4.0 ได้ง่าย ถ้าฝึกช่วงเรียนรู้ไว (3-6 ขวบ)
เด็กไทยเป็นอัจฉริยะ 4.0 ได้ง่าย ถ้าฝึกช่วงเรียนรู้ไว (3-6 ขวบ)
เปิดอ่าน 15,355 ☕ คลิกอ่านเลย

คอลัมน์: การศึกษา: ถึงคิว...พักงาน(ยาว) "ผอ.สมศ." ปลดล็อก..."ประเมินภายนอกรอบ 4"!!
คอลัมน์: การศึกษา: ถึงคิว...พักงาน(ยาว) "ผอ.สมศ." ปลดล็อก..."ประเมินภายนอกรอบ 4"!!
เปิดอ่าน 30,002 ☕ คลิกอ่านเลย

เด็กไทยเรียนฟรี เมื่อไหร่?เป็นจริง
เด็กไทยเรียนฟรี เมื่อไหร่?เป็นจริง
เปิดอ่าน 7,009 ☕ คลิกอ่านเลย

ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
เปิดอ่าน 12,434 ☕ คลิกอ่านเลย

อ่านออกเขียนได้กับรักการอ่านเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
อ่านออกเขียนได้กับรักการอ่านเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
เปิดอ่าน 10,552 ☕ คลิกอ่านเลย

หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน
หลักเกณฑ์ฯ เลื่อนวิทยฐานะครูใหม่ : ยิ่งแก้ ยิ่งวน
เปิดอ่าน 12,962 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ทางรอดประเทศไทย : เปลี่ยนระบบการเรียนรู้
ทางรอดประเทศไทย : เปลี่ยนระบบการเรียนรู้
เปิดอ่าน 11,570 ครั้ง

7 ตัวช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอีกครั้ง
7 ตัวช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอีกครั้ง
เปิดอ่าน 11,940 ครั้ง

"หินถ่วงบวบ"ไอเดียปลูกบวม ได้ผลใหญ่ สวย และยาวมาก
"หินถ่วงบวบ"ไอเดียปลูกบวม ได้ผลใหญ่ สวย และยาวมาก
เปิดอ่าน 29,021 ครั้ง

Parts of Speech    Sentence   Phrase   Clause
Parts of Speech Sentence Phrase Clause
เปิดอ่าน 79,762 ครั้ง

"เด็กรุ่นใหม่" ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด?
"เด็กรุ่นใหม่" ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด?
เปิดอ่าน 13,100 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ