เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงนโยบายให้ผู้ว่าราชการทั่วประเทศจัดหาชุดลูกเสือ เนตรนารี ให้กับบุตรหลานประชาชนที่ขาดแคลนว่า นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ขัดแย้งกัน กระทรวงศึกษาธิการอะลุ่มอล่วยว่า ถ้าไม่มีเครื่องแบบ ถ้าครอบครัวไหนขาดแคลน ไม่มีเงินมาซื้อชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารีให้ลูกหลานได้สวมใส่ ก็ให้เรียนได้ โดยอนุโลมให้ใส่เสื้อผ้าที่มีอยู่และติดสัญลักษณ์ลูกเสือ เช่น ผ้าพันคอก็ยังอยู่ แต่นโยบายของกระทรวงมหาดไทย เรามุ่งส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเรียนโดยไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจหรือรู้สึกว่า ตนเองแปลกแยกไปจากเพื่อนคนอื่นที่มีเครื่องแบบครบชุด หน้าที่ของชาวมหาดไทย คือ “การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้เดือดร้อน ผู้ที่ประสบปัญหาในชีวิต จึงเป็นการมาเสริมกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้มีเครื่องแบบลูกเสือสวมใส่ เพราะมีกฎหมายที่กำหนดไว้ในเรื่องการแต่งเครื่องแบบลูกเสืออยู่แล้ว
“กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดไปสำรวจดูว่า ครอบครัวไหนไม่มีเครื่องแบบ ครอบครัวขาดแคลน พ่อแม่ไม่มีความสามารถที่จะจัดหาชุดนักเรียน ชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารี ชุดยุวกาชาดให้ลูกหลานสวมใส่ว่า มีจำนวนกี่ราย กี่ครัวเรือน เมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วนแล้ว จึงระดมสรรพกำลังภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัด ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคผู้นำศาสนา ฯลฯ ช่วยกันจัดหาเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น โดยไม่ได้ใช้งบประมาณราชการ เพราะกระทรวงมหาดไทยไม่เคยได้รับงบประมาณที่จะไปจัดซื้อชุดเครื่องแบบให้กับคนที่ยากไร้ได้สวมใส่ พวกเราชาวมหาดไทยทำกันด้วยจิตอาสา” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
Advertisement
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า การสำรวจครัวเรือนที่ขาดแคลน ไม่มีความสามารถในการหาชุดเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารีให้ลูกหลานสวมใส่ ก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการขับเคลื่อนขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยกลไกศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ที่เป็นการบูรณาการทุกส่วนราชการ ทุกหน่วยงาน ทุกภาคีเครือข่าย พุ่งเป้าไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนทุกเรื่อง และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวประชาชนเอง ใครเดือดร้อน
“ใครทุกข์ยากชาวมหาดไทยก็ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทุกอำเภอได้สำรวจไปแล้ว แต่การสั่งการในครั้งนี้ เป็นการเฉพาะเจาะจงลงไปเพื่อให้มีความชัดเจนเฉพาะเรื่องว่า ถ้าครอบครัวไหนเดือดร้อนคนมหาดไทยก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้นายอำเภอสำรวจว่า ลูกหลานของพวกเราในพื้นที่ขาดแคลน ครอบครัวไหน ไม่มีความสามารถในการจัดหาชุดเครื่องแบบ แล้วท่านผู้ว่าฯ ท่านนายอำเภอ ก็จะช่วยกันในการระดมสรรพกำลังจัดหาชุดเสื้อผ้าเครื่องแบบดังกล่าว” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า นักเรียนทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) จะมีชุดลูกเสือ ยุวกาชาด และเนตรนารี เครื่องแบบนักเรียนสวมใส่ และมีอุปกรณ์การศึกษาใช้เรียนหนังสือ แต่หากท่านผู้ปกครองประสบปัญหาเดือดร้อน หรือพบเห็นครอบครัวของเพื่อนนักเรียนของบุตรหลานได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยาก สามารถแจ้งผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและท่านนายอำเภอประสานผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูช่วยกันสำรวจและทำให้นักเรียนทุกคนได้มีเครื่องแบบ มีอุปกรณ์การเรียนในการเรียนหนังสือเท่าเทียมกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ อันเป็นการพัฒนาพลเมืองของประเทศให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก แนวหน้า วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565