นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมหารือและมอบนโยบบายเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องการทำงานร่วมกับสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทยในการวางแผนการผลิตและพัฒนาครู รวมถึงการบริหารจัดการศึกษา เพราะขณะนี้การศึกษาเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลให้เราต้องปรับเปลี่ยนการบริการจัดการในรูปแบบใหม่ ดังนั้นการผลิตและพัฒนาครูจะเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อผลิตผู้เรียนให้ตอบโจทย์การศึกษาในศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้คุรุสภายังได้มีการปรับปรุงการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูใหม่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเอื้อประโยชน์ให้แก่นักศึกษาที่เรียนสายครูโดยตรง ขณะเดียวกันตนยังได้ฝากสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทยได้ช่วยวางแผนการดำเนินการช่วยลดภาวะการเรียนรู้ถดถอยของผู้เรียนในช่วงสถานการณ์โควิดว่าจะมีแนวทางหรือนวัตกรรมใดบ้าง นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้สะท้อนถึงแผนพัฒนาครูทั้งระบบด้วยว่าที่ผ่านมาแผนพัฒนาดังกล่าวไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยปฎิบัติ ดังนั้นตนจะรับข้อแนะนำนี้ไปพิจารณา เพื่อวางรูปแบบสู่แผนพัฒนาครูระดับชาติต่อไป
“การประชุมครั้งนี้ดิฉันได้หารือเกี่ยวกับการปรับระบบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูซึ่งเป็นเหมือนจุดคัดกรองมาตรฐานของครูให้สังคมมั่นใจได้ว่า โรงเรียนจะมีครูที่มีคุณภาพให้บุตรหลาน แต่ในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการสอบผ่านลดลง เนื่องจากสอบไม่ผ่านในบางวิชา เช่น วิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องมองในสภาพความเป็นจริงว่า ครูในบางสาขาวิชาเอกที่ไม่ใช่วิชาภาษาอังกฤษอาจจะไม่ได้มีความถนัด และอาจเป็นการจำกัดโอกาสของนิสิตนักศึกษาครูที่เรียนจบมาแล้วไม่สามารถสอบผ่านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ แต่เกณฑ์การคัดเลือกก็ยังจำเป็นต่อการรักษาคุณภาพไว้ ดิฉันจึงหารือร่วมกับสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทยในฐานะต้นทางของการผลิตครู เพื่อปรับหลักสูตรการสอนให้เสริมย้ำความรู้ที่จำเป็นให้แก่นิสิตนักศึกษาครูเพื่อให้ไม่เสียโอกาสในประกอบอาชีพ โดยกระทรวงศึกษาธิการและคุรุสภาจะปรับระบบและกฎระเบียบการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้มีความยืดหยุ่นเหมาะสมยิ่งขึ้น และพร้อมประสานการทำงานร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันในอนาคต”รมว.ศธ.กล่าว
ด้านนายศิริเดช สุชีวะ ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูนั้น สภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย ได้ทำงานร่วมกับคุรุสภา และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเห็นด้วยกับแนวทางปรับปรุงดังกล่าว เพื่อนำไปสู่มาตรฐานวิชาชีพครูที่มีคุณภาพในอนาคต
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 8 มิถุนายน 2565