นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า ตามที่มีการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ไปแล้วเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งพบว่า มีเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้นหลายเรื่อง เช่น การเสียชีวิตของนักเรียน ความรุนแรงระหว่างนักเรียนกับนักเรียนไปจนถึงนักเรียนทะเลาะกับครูนั้น ตนรู้สึกมีความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้กำชับทุกหน่วยงานของ ศธ.ที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัดให้เข้มงวด และติดตามเฝ้าระวังเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากนโยบายเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา ถือเป็นนโยบายสำคัญของนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีความเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วด้วย แต่จะต้องกำชับให้มีเพิ่มมากขึ้น และเน้นเรื่องการปรับมิติทางสังคม เน้นให้มีกิจกรรมงานกลุ่ม เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาเด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน ดังนั้นการกลับเข้ามาเรียนในห้องเรียนจำเป็นที่จะต้องมีการปรับพฤติกรรมใหม่ให้เข้ากับสังคมเพื่อนได้ อีกทั้งเรื่องภาวะความรู้ถดถอย (Learning Loss) มีความหมายครอบคุมให้หลายเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนรู้ที่ช้าเท่านั้น แต่ยังครอบคุมถึงเรื่องสุขภาวะ สุขอนามัย การเติบโตและพัฒนาการทางสังคมของเด็ก ซึ่งเราควรที่จะดูแลนักเรียนอย่างรอบด้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์การรับวัคซีน Pfizer ของเด็กอายุ 5-11 ปี นายสุภัทร กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ปกครองยินยอมให้บุตรหลานรับวัคซีนแล้วจำนวนมาก เช่น จังหวัดนครราชสีมา มีเด็กรับวัคซีนเข็มแรกแล้วมากกว่า ร้อยละ 90 เป็นต้น ซึ่งตนมองว่าแนวโน้มการรับวัคซีนของเด็กกลุ่ม 5-11 ปี จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้มีการเปิดภาคเรียนในรูปแบบ On site แล้ว อีกทั้งผู้ปกครองยังเห็นตัวอย่างจากเพื่อนนักเรียนที่รับวัคซีนไปแล้ว ว่าไม่ได้มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง และสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ก็จะยินยอมให้บุตรหลานรับวัคซีน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 2 มิถุนายน 2565