มี 2 ประเภทคือ
1. พลังงานที่มีผลต่อโลกทันทีเป็นพวกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อผ่านบรรยากาศของโลกลงมาจะเกิดผลทันทีประกอบด้วยพลังงาน ความร้อนและแสงสว่างเป็นส่วนใหญ่รวมทั้งคลื่นวิทยุ มีรังสีอัลตราไวโอเลต เพียงเล็กน้อยที่ผ่านบรรยากาศลงมาได้ เพราะส่วนใหญ่จะถูกดูดกลืนโดย โอโซนในบรรยากาศ
2. พลังงานที่มีผลต่อโลกภายหลังเป็นพวกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าต่าง ๆ จากดวงอาทิตย์ซึ่งไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาถึง ผิวโลกได้ ได้แก่ อนุภาครังสีคอสมิคซึ่งเป็นอนุภาคโปรตอนและลมสุริยะซึ่งเป็น อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวกที่มีความเร็วต่ำและอิเล็คตรอน อนุภาคเหล่านี้จะเดินทางมาถึงโลกหลังจากเกิด การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์แล้วประมาณ 20-40 ชั่วโมง จะไปรบกวนสนามแม่เหล็กโลกทำให้เกิดพายุแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อระบบสื่อสารทางวิทยุบนโลกเท่านั้น จึงนับได้ว่าดวงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่โลกอยู่ใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์พลังงานเกือบทั้งหมดบนโลก จะได้มาจากดวงอาทิตย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงมากมีลักษณะเป็นทรงกลม ส่งพลังงานและอนุภาคต่าง ๆ ออกไปรอบตัวโดยการ แผ่รังสีตลอดเวลา จัดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ ผลจากการศึกษา ซากของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า ฟอสซิล(fossil)
นับตั้งแต่ปฏิกิริยาอุณหนิวเคลียร์ (thermonuclear reaction) ในใจกลางดวงอาทิตย์ แผ่พลังงานออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและพลังงานที่สะสมภายในอนุภาค ใช้เวลาเดินทางนับหมื่นนับแสนปีจนกระทั่งถึงผิวดวงอาทิตย์ และต่อด้วยการเดินทาง 8 นาทีมายังโลกของเรา ในรูปของแสงที่มองเห็น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ และรังสีอื่น ๆ ต้องขอบคุณชั้นบรรยากาศโลกที่ได้กรองเอาสิ่งที่เป็นอันตรายเหล่านี้ออกไป ไม่นานนักพลังงานก็ถึงยังพื้นโลก ทั้งให้ความอบอุ่นน่าอยู่ในเขตหนาว หรือแม้แต่ให้ความรู้สึกรำคาญในเขตร้อน ทว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์ก็ได้ถูกดูดซับเข้าไปในพืชและโพรทิสต์ จากนั้นพืชก็สามารถตรึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศได้เป็นน้ำตาล ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง น้ำตาลที่ได้นั้นพืชก็จะนำไปแปรรูปเป็นทั้งผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ออแกเนลล์ภายในเซลล์ ฯลฯ นอกเหนือจากธาตุอาหารที่ดูดขึ้นมาจากดิน
เมื่อพืชเป็นผู้ผลิต (ที่แท้จริงคือผู้แปรรูป) อาหารจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก็ทำให้สัตว์มีอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของพืช ในการสลายอาหารของสัตว์ สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากอาหารที่ได้รับแล้วก็คือออกซิเจน ซึ่งเป็นของเสียในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อไปรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้ายในกระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์ ขณะเดียวกันสัตว์ก็หายใจเอาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสารพลังงานต่ำออกมา เพื่อที่พืชจะได้ตรึงอีกครั้งเป็นวัฏจักร
อิทธิพลของดวงอาทิตย์ต่อโลกดวงอาทิตย์เป็นกลุมก้อนก๊าซมีอุณหภูมิสูงมากโดยที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง 6,000 C ถึง- 20,000,000 C บริเวณใจกลางดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง16,000,000 C จึงนับได้ว่าดวงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่โลกอยู่ใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์พลังงานเกือบทั้งหมดบนโลก จะได้มาจากดวงอาทิตย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงมากมีลักษณะเป็นทรงกลม ส่งพลังงานและอนุภาคต่างๆออกไปรอบตัวโดยการแผ่รังสีตลอดเวลาจัดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระบบสุริยะผลจากการศึกษาซากของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า ฟอสซิล(fossil)
พบว่าดวงอาทิตย์ได้แผ่รังสีมายังโลกเป็นเวลานาน ประมาณหนึ่งพันล้านปีมาแล้วสิ่งมีชีวิตบนโลกพวกพืชและสัตว์เป็นผู้นำพลังงานจากดวงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์และยังมีพลังงานในรูปของลมและคลื่นรวมกันแล้ว
1. ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ
2. ทำให้ความอบอุ่นรักษาสมดุลของอุณหภูมิ
3. ช่วยในกระบวนการสร้างอาหารของพืช (กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง)
4. ทำ ให้เกิดปรากฏการณ์รุ้งกินน้า
5. ช่วยในระบบถนอมอาหาร
6. ช่วยในระบบหมุนเวียนของน้ำ
7. ช่วยฆ่าเชื้อโรค
8. ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าโดยเซลล์สุริยะที่เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานอื่น
9. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดฤดูกาล
10. โลกหมุนรอบตัวเองและการให้แสงของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดกลางวัน-กลางคืน
11.ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำ
12.อื่นๆ
ที่มา http://thanapat53a25.wikispaces.com