ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า ปัจจุบันได้มีการกำหนดให้โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย (องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร) ให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ ความรู้ ทักษะ เจตคติ คุณลักษณะ และสมรรถนะไว้อย่างสมบูรณ์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และผลงานจากการเรียนรู้ที่มีคุณค่า โดยให้เพิ่มพูนศักยภาพในการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ และการวัดผลประเมินผลเพื่อการพัฒนาผู้เรียนให้เหมาะสม สอดคล้อง ตอบสนองต่อหลักสูตรสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) โดยให้ยึดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 258 จ (4) ซึ่งนำไปสู่การกำหนดแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ฉบับปรับปรุง 2564)
ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ กล่าวต่อไปว่า หลักสูตรที่ใช้คือหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560)โดยจะใช้หลักสูตรนี้ต่อไปจนกว่าจะเห็นสมควรให้มีการปรับปรุง ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนหลักสูตร แต่หากมีการปรับปรุงได้ในบางจุดโดยเฉพาะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8 จังหวัด คือ ระยอง ศรีสะเกษ เชียงใหม่ กาญจนบุรี สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งอนุญาตให้นำหลักสูตรไปต่อยอด สามารถพัฒนาเพิ่มเติมเนื้อหาสาระการเรียนรู้ ทักษะ เจตคติ ค่านิยม คุณลักษณะและสมรรถนะที่เหมาะสม และสอดคล้องกับบริบทของชุมชน ท้องถิ่น มาเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ของแต่ละสถานศึกษาที่มีความแตกต่างกัน โดยทั้งนี้ยังคงมีสาระสำคัญด้านมาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ทักษะ เจตคติ ค่านิยม คุณลักษณะ และสมรรถนะของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ขาดหาย ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ทั่วไปยังใช้หลักสูตรปัจจุบัน ยังไม่สมควรเปลี่ยนแปลงเพราะจะกระทบกับการจัดพิมพ์ตำรา ซึ่งจะเป็นภาระของครู ผู้ปกครองและนักเรียนในยามที่เศรษฐกิจดังเช่นปัจจุบัน ถ้าเปลี่ยนหลักสูตรก็ต้องซื้อตำราใหม่ ครูก็ต้องอบรม ซึ่งจะเป็นภาระเพิ่มขึ้น จึงยังไม่ประสงค์ให้เกิดภาระเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะนี้
“โดยส่วนตัวไม่อยากให้เรียกหลักสูตรฐานสมรรถนะ ให้เรียกชื่อเดิม เพราะคำว่าฐานสมรรถนะผมไม่รู้จัก ไม่รู้ความหมาย และที่สำคัญสิ่งที่ได้คุยกันไว้ก็คือต้องมีการปรับวิธีจัดการเรียนการสอนโดยนำวิธีการเรียนแบบ Active Learning เข้ามาให้มาก แล้วให้ครูและนักเรียนช่วยกันคิดออกมาเป็นนวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ ก็เคยจัดแสดงนวัตกรรมเหล่านี้มาแล้ว หากไประดมหามาก็จะมีหลายหมื่นชิ้น ซึ่งนั่นก็คือ การปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)รวมถึงกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา แล้ว ก็เห็นพ้องกันและได้นำไปเรียนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯก็เห็นชอบว่าไม่ควรมีหลักสูตรใหม่ในตอนนี้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 6 พฤษภาคม 2565
ด้าน คมชัดลึก ได้รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า
ต่อสู้มายาวนาน 'องค์กรครู' ไม่วางใจ100% แม้นายกฯสั่งให้ถอย 'หลักสูตรฐานสมรรถนะ' ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เปิดกว้างให้เด็กได้เรียนตามความถนัด แต่ปรับวิธีการสอนของครู
วันที่ 6 พ.ค. 2565 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผย “คมชัดลึกออนไลน์” ว่า วันนี้ได้รับข่าวดีเมื่อนายกฯสั่งให้รองนายกฯวิษณุ เครืองาม แถลงข่าวให้กระทรวงศึกษาธิการถอย “หลักสูตรฐานสมรรถนะ” เป็นข่าวดีที่ต่อสู้โดดเดี่ยวมายาวนาน เรื่องนี้ตนเสนอในนามสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิมาโดยตลอดว่าในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้วยการปรับหลักสูตรใหม่ หรือที่เรียกกันว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะ นั้นตามกฎหมาย ไม่ได้บัญญัติไวในรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2560 แต่ในกระทรวงศึกษาธิการยังมีคนดันทุรังจะให้มีการปรับหลักสูตร แม้แต่รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ ยังคล้อยตามคนพวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จนต้องออกโรงจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดและแจ้งความเพื่อเอาผิดฐานละเมิดข้อกฎหมาย
สุดท้ายนายกรัฐมนตรีต้องออกมาแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง แต่ในการปรับหลักสูตรใหม่ตนยังไม่วางมือ และไม่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะถอยจริงหรือไม่ เพราะการที่กระทรวงศึกษาธิการจะปรับหลักสูตรใหม่ ไปขัดแย้งมาตรา 258 (จ.4) ตามกฏหมายรัฐธรรมนูณ 2560 ที่รัฐต้องดูแลเด็กก่อนเข้าเรียน รัฐต้องสนับสนุนการเรียนฟรี เชื่อมโยงถึงให้ปรับการเรียนการสอนของครู และผู้เรียนอยากเรียนอะไรต้องได้เรียนตามความถนัด แต่ไม่ระบุให้ปรับหลักสูตรใหม่ตามแนวคิดของคนบางกลุ่มในกระทรวงศึกษาธิการ
ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานปัจจุบัน กำหนดให้โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดกระทรวงมหาดไทย (องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร) ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ ความรู้ ทักษะ เจตคติ คุณลักษณะ และสมรรถนะไว้อย่างสมบูรณ์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และผลงานจากการเรียนรู้ที่มีคุณค่า
หลักสูตรที่ใช้ในปัจจุบัน คือหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560)โดยจะใช้หลักสูตรนี้ต่อไปจนกว่าจะเห็นสมควรให้มีการปรับปรุง ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนหลักสูตร แต่หากมีการปรับปรุงได้ในบางจุดโดยเฉพาะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8 จังหวัด คือ ระยอง ศรีสะเกษ เชียงใหม่ กาญจนบุรี สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
“ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ทั่วไปยังใช้หลักสูตรปัจจุบัน ยังไม่สมควรเปลี่ยนแปลงเพราะจะกระทบกับการจัดพิมพ์ตำรา ซึ่งจะเป็นภาระของครู ผู้ปกครองและนักเรียนในยามที่เศรษฐกิจดังเช่นปัจจุบัน ถ้าเปลี่ยนหลักสูตรก็ต้องซื้อตำราใหม่ ครูก็ต้องอบรม ซึ่งจะเป็นภาระเพิ่มขึ้น จึงยังไม่ประสงค์ให้เกิดภาระเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะนี้” รองนายกฯ วิษณุ ระบุ
ไม่อยากให้เรียกหลักสูตรฐานสมรรถนะ ให้เรียกชื่อเดิม เพราะคำว่าฐานสมรรถนะตนไม่รู้จัก ไม่รู้ความหมาย และที่สำคัญสิ่งที่ได้คุยกันไว้ก็คือต้องมีการปรับวิธีจัดการเรียนการสอน โดยนำวิธีการเรียนแบบ Active Learning เข้ามาให้มาก แล้วให้ครูและนักเรียนช่วยกันคิดออกมาเป็นนวัตกรรม นั่นคือการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง
"เรื่องนี้ผมได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานรวมถึงกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา แล้ว ก็เห็นพ้องกันและได้นำไปเรียนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯก็เห็นชอบว่าไม่ควรมีหลักสูตรใหม่ในตอนนี้”รองนายกฯวิษณุ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้หาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก คมชัดลึก วันที่ 6 พฤษภาคม 2565