ไทยติดเชื้อ 9.7 พันราย เอทีเคเป็นบวก 8.7 ราย ดับ 54 ราย ศบค.ไม่บังคับต้องเปิดทุกโรงเรียน ย้ำฉีดวัคซีนเด็กให้ได้มากที่สุดรับเปิดเทอม
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,790 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,772 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 9,719 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 53 ราย มาจากเรือนจำ 14 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 ราย เป็นผู้มีผลตรวจเอทีเคเป็นบวก 8,728 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 17,109 ราย อยู่ระหว่างรักษา 101,281 ราย อาการหนัก 1,638 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 776 ราย
ทั้งนี้ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 54 ราย เป็นชาย 37 ราย หญิง 17 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 47 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 1 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,300,614 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,170,419 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 28,914 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม ราย เสียชีวิตสะสม ราย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของประเทศไทยเป็นทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องสอดคล้องกับไปสถานการณ์โลก โดยผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง
พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 2,990 ราย บุรีรัมย์ 321 ราย ชลบุรี 296 ราย สมุทรปราการ 274 ราย ร้อยเอ็ด 267 ราย สุรินทร์ 254 ราย ศรีสะเกษ 252 ราย ขอนแก่น 240 ราย อุบลราชธานี 200 ราย มหาสารคาม 195 ราย ขณะที่ 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบกำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ประกอบด้วย กทม. 130 ราย นครราชสีมา 88 ราย กาญจนบุรี 66 ราย อุบลราชธานี 61 ราย สมุทรปราการ 57 ราย อุดรธานี 56 ราย ขอนแก่น 51 ราย พิษณุโลก 49 ราย สุพรรณบุรี 45 ราย และเชียงใหม่ 42 ราย สถานการณ์ถือว่าทรงตัวและน้อยลง มีเพียง 2 จังหวัดที่เพิ่มขึ้นคือ จ.อุดรธานีและขอนแก่น
สำหรับยอดการฉีดวัคซีนวันที่ 4 พ.ค. ฉีดเพิ่มได้ 144,809 ราย ทำให้มียอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 134,175,785 โดส และจากข้อมูลการฉีดวัคซีน ในส่วนของผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ขึ้นไป จำนวน 12,704,543 ราย ขณะนี้ฉีดวัคซีนเข็มที่สามไปแล้ว 5,303,655 โดส หรือคิดเป็น 41.7% ขณะที่เด็กอายุ 5-11 ปี จำนวน 5,150,082 ราย ฉีดวัคซีนเข็มสองไปแล้ว 732,349 โดส คิดเป็น 14.2%
“ในช่วงนี้ที่จะมีการเปิดภาคเรียน ศบค.ไม่ได้บังคับว่าต้องเปิดทุกโรงเรียน แต่อยากให้เปิดมากที่สุด และให้ทุกโรงเรียนเตรียมความพร้อมในการเปิดโรงเรียนให้ได้มาตรฐาน หากเด็กคนไหนมีอาการสงสัยให้ตรวจเอทีเค ถ้าพบเชื้อให้รักษาตัวที่บ้าน และไม่มีความจำเป็นต้องตรวจเอทีเคทุกสัปดาห์เหมือนก่อนหน้านี้ แต่ขอย้ำให้เข้ารับวัคซีนให้ได้มากที่สุด” พญ.สุมนี กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก แนวหน้า วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565