หากจะกล่าวถึงผลไม้ที่จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างที่มีราคาแพงชนิดหนึ่งคนซื้อส่วนใหญ่มักไม่ค่อยได้กินและคนกิน ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยที่จะได้ซื้อ จัดอยู่ในประเภทของฝากให้กับผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือนั่น ก็คือ “มะยงชิด” พื้นที่การปลูกมะปรางหรือมะยงชิดเป็นการค้านั้นควรเป็นแหล่งที่มีฤดูฝนสลับฤดูแล้ง (หนาวและร้อน) ที่เด่นชัด เพราะช่วงแล้งดังกล่าวจะมีความสำคัญต่อการออกดอกของมะปราง ซึ่งช่วงดังกล่าวจะช่วยทำให้ต้นมะปราง มีการพักตัวชั่วคราวชะงักการเจริญเติบโตทางใบและกิ่งและช่วงดังกล่าว
ถ้ามีอุณหภูมิต่ำหรืออากาศเย็นจะช่วยให้มะปรางออกดอกติดผลได้ดี ยิ่งขึ้น แหล่งปลูกมะปรางที่อาศัยน้ำฝนนั้น ควรเป็นแหล่งที่มีปริมาณน้ำฝนกระจายตัวตกต้องตามฤดูกาล ส่วนแหล่งที่มีปริมาณ ฝนตกน้อย ควรเลือกพื้นที่ปลูกมะปรางเป็นการค้าที่ใกล้แหล่งน้ำหรือมีน้ำชลประทานเพียงพอ เพราะในระยะที่มะปรางแทงช่อ ดอกและติดผลนั้น (พฤศจิกายน – มีนาคม) จะเป็นช่วงที่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ซึ่งช่วงดังกล่าวมะปรางต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของผล และถ้ามะปรางขาดน้ำจะมีผลทำให้ผลมะปรางมีขนาดเล็ก ผลร่วง และให้ผลผลิตต่ำกว่าปกติได้
อุณหภูมิเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการแทงช่อดอก การติดผล และระยะเวลาการสุกของผลมะปรางคือ ถ้าอุณหภูมิต่ำและมีช่วงระยะเวลาของอุณหภูมิต่ำนานพอสมควร จะทำให้มะปรางออกดอกและติดผลได้ดีขึ้น และหลังจากมะปรางติดผลแล้ว ถ้าแหล่งปลูกมะปรางมีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็ว จะมีผลให้มะปรางแก่หรือสุกเร็วกว่าในแหล่งที่มีอุณหภูมิต่ำแหล่งปลูกมะปรางที่ให้ ได้ผลดีนั้น ควรมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ในช่วง 20-30 องศาเซลเซียส ซึ่ง ดอก มีลักษณะเป็นช่อเกิดบริเวณปลายกิ่งแขนงที่อยู่ภายในทรงพุ่มและนอกทรงพุ่ม ช่อดอกยาว 8-15 เซนติเมตร ดอก ย่อมมีขนาดเล็กประกอบด้วยดอกสมบูรณ์เพศ หรือดอกกะเทยและดอกตัวผู้ ดอกเมื่อบานจะมีสีเหลือง ในประเทศไทยดอกมะปรางจะบานช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี
เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม และมีอากาศหนาวเย็นติดต่อกัน 7-10 วัน ยอดของมะยงชิดจะพัฒนาเป็นตาดอกและจากระยะดอกจนถึงเก็บผลผลิตจะใช้ระยะเวลาเพียง 85-90 วัน ในแต่ละปีมะยงชิดจะออกดอก 2-3 รุ่น รุ่นแรก จะออกดอกเดือนพฤศจิกายน และเก็บผลผลิตประมาณปลายเดือน มกราคม รุ่นที่สองจะออกดอกช่วงเดือนธันวาคม เก็บผลผลิตช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถ้าปีไหนอากาศเย็นนานจะมีรุ่นที่สามคือดอกจะออกต้นเดือนมกราคม และไปเก็บผลผลิตเดือน มีนาคม หลังจากเริ่มแทงช่อดอกจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ทางดินจะต้องเริ่มให้น้ำ 5-7 วันต่อครั้ง (ขึ้นอยู่กับความชื้นในสวน มะยงชิดหากให้น้ำมากไปเนื้อจะเละ) จนกว่าผลอ่อนมะปรางมีขนาดเท่าหัวแม่มือก็จะเริ่มงดน้ำ
ในเรื่องสารเคมีจะต้องพ่นสารเคมีในกลุ่มของกำจัดโรคและแมลงตั้งแต่ระยะเริ่มแทงช่อดอก ศัตรูที่พบมากที่สุดคือเพลี้ยไฟ และโรคที่สำคัญคือโรคแอนแทรคโนส อย่างที่สวนคุณลี จ.พิจิตร โทร. 08-1886-7398 จะให้ความสำคัญในการพ่นสารเคมีในช่วงนี้มากเพราะต้องการควบคุมคุณภาพของผลผลิตให้ได้และต้องเลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยสารเคมีที่แนะนำให้ฉีดป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ เช่น สารอิมิดาคลอพริด, ฟิโพรนิล เป็นต้น จะฉีดพ่นจำนวน 2-3 ครั้ง คือ ระยะก่อนดอกบาน และหลังดอกโรย ในช่วงดอกบานจะไม่ฉีดพ่นสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ (6 มกราคม 2565)