นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 หรือหลักสูตรฐานสมรรถนะ ว่า ตนไม่ต้องการให้เกิดความสับสนในเรื่องการปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าว ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นหน่วยงานใหญ่อาจทำให้การทำความเข้าใจมีความคลาดเคลื่อนได้ แต่สุดท้ายแล้วการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ หลักสูตรฐานสมรรถนะ หรือการใช้กระบวนการ Active Learning ที่เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำ และได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปในสถานศึกษานั้น ต่างมุ่งให้ผู้เรียนมีสมรรถนะการเรียนรู้ให้ตรงกับโลกในศตวรรษที่ 21 ดังนั้นการปรับปรุงหลักสูตรจะต้องมุ่งให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น เพราะโลกและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้เรียนคงไม่สามารถเรียนรู้เพียงด้านใดด้านหนึ่งได้ แต่การเรียนรู้ของนักเรียนจะต้องรู้คิดต่อยอดและนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างไรให้มากขึ้นด้วย โดยจะไม่ใช่การเรียนแบบท่องจำเหมือนที่ผ่านมาอีก
นางสาวตรีนุช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เท่าที่ตนรับทราบข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อสื่อสารสร้างความเข้าใจให้แก่ครูผู้สอนและโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าไม่อยากให้มีการทดลองการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เนื่องจากสถานศึกษาจะต้องรับมือกับการเรียนการสอนท่ามกลางสถานการณ์โควิด และอยากให้เติมเต็มเรื่องคุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะเรื่องการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนระดับประถมศึกษามากกว่านั้น เรื่องนี้ตนได้สื่อสารมาโดยตลอดว่าการเปิดทดลองนำร่องการใช้หลักสูตรฐานสมรรรถนะจะนำร่องในโรงเรียนที่มีความพร้อมและสมัครใจเท่านั้น ซึ่งหากโรงเรียนไหนยังคิดว่าไม่มีความพร้อมก็ไม่จำเป็นต้องร่วมทดลองนำร่องหลักสูตรได้ โดยไม่ได้มีปัญหาหรือเงื่อนไขกำหนดแต่อย่างใด สำหรับการเติมเต็มคุณภาพการศึกษาหลังต้องเรียนผ่านรูปแบบออนไลน์มาเกือบ 2 ปี ซึ่งขณะนี้ศธ.กำลังเตรียมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อฟื้นฟูการศึกษาของผู้เรียนหลังโควิดด้วย
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 25 เมษายน 2565