นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (รองปลัด ศธ.) ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีความเป็นห่วงกลุ่มนักเรียนช่วงปิดภาคเรียน เพราะเสี่ยงที่เด็กจะไปรวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะร้านเกม และตู้เกม ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 นั้น ในประเด็นดังกล่าวนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้รับทราบข้อมูลนี้แล้วและมีความเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างมากเช่นกัน ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้กำชับให้สถานศึกษาย้ำไปถึงผู้ปกครองให้กวดขันดูแลนักเรียนในช่วงปิดภาคเรียนนี้เป็นพิเศษ พร้อมแจ้งให้หลีกเลี่ยงการไปรวมตัวในสถานที่ที่เสี่ยง เนื่องจากอยากให้การเปิดภาคเรียนใหม่ในปีการศึกษา 2565 นักเรียนและครูมีความพร้อมในการเรียนแบบออนไซต์มากที่สุด เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์โควิดส่งผลให้การเรียนในรูปแบบออนไลน์เติมคุณภาพของผู้เรียนได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
รองปลัดศธ.กล่าวอีกว่าสำหรับข้อมูลการจัดฉีดวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ให้กับนักเรียนอายุ 12-18 ปี และครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ในส่วนของนักเรียนอายุ 12-18 ปี ขณะนี้มีการดำเนินการจัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับนักเรียนไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนที่มาลงชื่อเพื่อขอรับการฉีดในภายหลัง จึงทำให้การฉีดให้เด็กกลุ่มนี้ยังไม่ครบ 100% แต่คาดว่าก่อนเปิดเทอมในเดือน พฤษภาคมนี้ นักเรียนกลุ่มนี้จะฉีดเข็มที่ 2 เกือบครบทั้ง 100% แน่นอน ซึ่งในส่วนของเด็กกลุ่มนี้เราไม่ค่อยห่วง เนื่องจากเป็นเด็กโตได้ระดมฉีดวัควีนแล้ว แต่ศธ.เป็นห่วงกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุ 5-11 ปีมากกว่า ซึ่งในเด็กกลุ่มนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความยินยอมในการฉีดวัคซีน ดังนั้นจะเป็นหน้าที่ของศธ.ที่จะต้องเร่งทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ผู้ปกครองรับทราบต่อไป ส่วนการฉีดวัคซีนให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษานั้นจะเหลือการฉีดเข็มบูสเตอร์ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นฉีดไปแล้วเกือบร้อยละ 50 ขณะนี้ตนกำลังสำรวจตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง
ขอบคุณทีม่าเนื้อหาข่าวและอ่านะเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 18 เมษายน 2565