ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมสำหรับคุณครู  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เคยได้ยินหรือยัง! "หลักสูตรฐานสมรรถนะ" กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21


สำหรับคุณครู 3 ก.พ. 2565 เวลา 03:50 น. เปิดอ่าน : 6,923 ครั้ง
Advertisement

เคยได้ยินหรือยัง! "หลักสูตรฐานสมรรถนะ" กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21

Advertisement

เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21

การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หรือวิกฤตโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้เกิดดิจิทัลดิสรัปชัน (Digital Disruption) ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตของประชากรในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะประชากรวัยแรงงานที่ไม่สามารถนำความรู้ที่ได้จากห้องเรียนมาใช้ในโลกของการทำงานได้อีกต่อไป และต้องพัฒนาศักยภาพของตนเองเพิ่มเติม (Upskill) ยกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต (Reskill) รวมทั้งการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ระบบการศึกษาต้องปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ (Competency-Based Curriculum) สนับสนุนให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล มีความรู้และทักษะในการดำรงชีวิตในสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนจากหลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-Based Curriculum) ในปัจจุบัน มาเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่สามารถสร้างและพัฒนาสมรรถนะที่สำคัญและจำเป็นของผู้เรียน ยังสอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาและพัฒนากำลังคนคุณภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดย รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เล่าว่า หลักสูตรอิงมาตรฐาน จะวัดผลจากความรู้ความเข้าใจเชิงวิชาการ แต่ความสามารถและทักษะในการลงมือปฏิบัติที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในสังคม รวมทั้งลักษณะนิสัยที่ควรจะเป็นของเด็กแต่ละช่วงวัยเป็นสิ่งที่ถูกละเลยไป จึงต้องเปลี่ยนโจทย์การศึกษาให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้และทักษะควบคู่กัน จากเดิมที่เคยตั้งคำถามว่า “เรียนแล้วรู้อะไร” เป็น “เรียนแล้วทำอะไรได้บ้าง”

· Learning – Living – Working ต้องเดินไปพร้อมๆ กันกับผู้เรียน
รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ กรรมการปฏิรูปฯด้านการศึกษา เล่าว่า ในโลกของการทำงานยุคปัจจุบันที่องค์กรต่างๆ มักกล่าวว่าเด็กจบใหม่จำเป็นต้องพัฒนาทักษะเพิ่มเติม นอกเหนือจากทักษะที่ได้รับจากการเรียนในสถาบันการศึกษา เป็นอีกสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการจัดการศึกษายังไม่สามารถตอบโจทย์สังคมและโลกยุคใหม่ได้ ทำให้การปฏิรูปการเรียนรู้ต้องยึด “ทักษะของผู้เรียน” เป็นที่ตั้ง ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างความรู้ความเชี่ยวชาญเชิงวิชาการที่ต้องมี ลักษณะนิสัยที่จำเป็นต่องานนั้นๆ และสุดท้ายคือความสามารถในการลงมือปฏิบัติ ดังนั้น สิ่งที่ได้เรียนกับสิ่งที่นำไปใช้ต้องสอดคล้องกัน ผู้เรียนต้องสามารถผสมผสานการเรียนรู้ (Learning) การใช้ชีวิต (Living) และการทำงาน (Working) เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการซื้อ-ขายสินค้าในชีวิตประจำวัน สามารถคำนวณราคา ส่วนลด หรือกำไร ไปจนถึงการต่อยอดประกอบกิจการขนาดเล็กของตัวเองได้

· สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ครูผู้สอน
รศ.ดร.ศิริเดช เล่าต่อว่า การปรับปรุงหลักสูตรนับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของระบบการศึกษา แน่นอนว่าอาจนำมาซึ่งความเป็นกังวลของทั้งสถาบันการศึกษาและตัวครูผู้สอนที่ต้องเตรียมพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งยังไม่ทราบผลที่จะเกิดตามมา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนเริ่มผลักดันโมเดลการจัดการเรียนการสอนบนฐานสมรรถนะไปยังทุกพื้นที่ คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจต่อหลักสูตรสมรรถนะอย่างถ่องแท้ให้กับบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะเป้าหมายในการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถนำไปทักษะไปต่อยอดใช้ในสถานการณ์จริงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเนื้อหาสาระการเรียนรู้เชิงวิชาการจะไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะหัวใจของหลักสูตรฐานสมรรถนะ คือการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่างๆ ที่จำเป็น จนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงจนเกิดผลทางพฤติกรรมหรือการปฏิบัติ นอกจากนี้ยังต้องปรับวิธีคิดและทัศนคติของผู้เรียนให้มีความพร้อมต่อการเปิดรับทักษะใหม่ๆ ที่มีความหมายกับชีวิตมากกว่าความรู้จากตำราในห้องเรียนอีกด้วย

· นำร่องหลักสูตรฐานสมรรถนะในระบบการศึกษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วางแผนจะนำหลักสูตรฐานสมรรถนะมาปรับใช้ในกรอบเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 – ปีการศึกษา 2567 โดยกำหนดสมรรถนะเด็กไทย 6 ด้าน ประกอบด้วย 1. การจัดการตนเอง รู้จัก รัก เห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีเป้าหมายในชีวิตและสามารถกำกับตนเองในการจัดการกับอารมณ์ ความเครียด และปัญหา จนถึงการฟื้นฟูสู่สภาวะสมดุลและมีสุขภาวะที่ดีได้ 2. การคิดขั้นสูง วิเคราะห์ สังเคราะห์ และตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณอย่างมีเหตุผล สามารถเชื่อมโยงความคิดอย่างเป็นระบบ มีความสร้างสรรค์ นำความรู้และจินตนาการมาใช้แก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ 3. การสื่อสาร รับรู้ ตีความ และสามารถส่งสารผ่านวัจนภาษาและอวัจนภาษาอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและเคารพความเห็นของผู้อื่น 4. การรวมพลังทำงานเป็นทีม จัดระบบการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีภาวะผู้นำ โปร่งใส่ สามารถสร้างสัมพันธ์อันดีในทีมและรับมือกับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ 5. การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง รับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ เคารพสิทธิเสรีภาพของทั้งตนเองและผู้อื่น เคารพกฎหมายและค่านิยมประชาธิปไตยเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ 6. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน รู้และเข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกและในชีวิตประจำวัน รู้เท่าทันเทคโนโลยี สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการดำรงชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เบื้องต้น ศธ. ได้ดำเนินการผลักดันหลักสูตรฐานสมรรถนะในขั้นทดลองใช้ผ่าน “โครงการนำร่องการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” ใน 8 จังหวัดนำร่อง ครอบคลุม 265 โรงเรียนในสังกัดต่างๆ ได้แก่ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตลอดจนการเปิดรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องผ่านทางเว็บไซต์หลักสูตรฐานสมรรถนะ (http://www.cbethailand.com) “คาดว่าการทดลองใช้ในครั้งนี้จะสะท้อนให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของหลักสูตรตามความเป็นจริง เพื่อให้ทราบว่าควรปรับปรุงที่จุดไหนก่อนที่จะนำไปปรับใช้ทั่วประเทศ โดยยึดผลประโยชน์ของเด็กหรือผู้เรียนเป็นที่ตั้ง แม้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนและใช้เวลาในการพัฒนาแก้ไขหลักสูตรที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะประสบความสำเร็จในการนำไปใช้จริงมากที่สุด” รศ.ดร.ศิริเดช กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ดี การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เป็นหนึ่งในกิจกรรมปฏิรูปประเทศ (Big Rock) ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ตามเป้าหมายการสนับสนุนให้ผู้เรียนในทุกระดับชั้นได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นผู้มีความรู้และมีทักษะที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ หลักสูตรฐานสมรรถนะจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะหลักครบรอบด้าน และสามารถบ่มเพาะความรู้และทักษะที่ได้ เพื่อนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ในชีวิตการทำงาน สามารถปรับตัวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และกลายเป็นกำลังคนคุณภาพของประเทศในการขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ

ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรม ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้ใน 4 ช่องทาง ดังนี้ เว็บไซต์ https://www.thaiedreform2022.org เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://web.facebook.com/Thaiedreform2022 ยูทูบช่อง ‘thaiedreform2022’ และทวิตเตอร์ https://twitter.com/Thaiedreform22

 

อัพเดทข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

28 ต.ค.2567 - บอร์ด กพฐ. ยกเครื่องหลักสูตรใหม่ ต่อยอดหลักสูตรแกนกลางจากกรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ใช้ชื่อใหม่ "หลักสูตรพัฒนาสมรรถนะตามช่วงวัย" เน้นใช้สื่อ AI พัฒนาครู ย้ำหลักการไม่เพิ่มภาระครู


เคยได้ยินหรือยัง! "หลักสูตรฐานสมรรถนะ" กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21หลักสูตรฐานสมรรถนะสมรรถนะฐานสมรรถนะหลักสูตรใหม่

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

หลักเกณฑ์สอบ ผอ.และรอง ผอ.

หลักเกณฑ์สอบ ผอ.และรอง ผอ.


เปิดอ่าน 52,313 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

Public Domain คืออะไร?

Public Domain คืออะไร?

เปิดอ่าน 39,782 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลการปฏิบัติงานบุคลากร
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลการปฏิบัติงานบุคลากร
เปิดอ่าน 4,693 ☕ คลิกอ่านเลย

การค้ำประกันสัญญาอนุญาตให้ ขรก.ลาศึกษาต่อ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯ ฉบับใหม่
การค้ำประกันสัญญาอนุญาตให้ ขรก.ลาศึกษาต่อ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯ ฉบับใหม่
เปิดอ่าน 12,803 ☕ คลิกอ่านเลย

ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
เปิดอ่าน 20,466 ☕ คลิกอ่านเลย

อัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักร ในลักษณะเหมาจ่าย
อัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักร ในลักษณะเหมาจ่าย
เปิดอ่าน 22,869 ☕ คลิกอ่านเลย

ดาวน์โหลดโปรแกรม ปพ.1 ใหม่ 2556 (Excel)
ดาวน์โหลดโปรแกรม ปพ.1 ใหม่ 2556 (Excel)
เปิดอ่าน 104,167 ☕ คลิกอ่านเลย

ตัวอย่างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และแผนการจัดประสบการณ์ ระดับปฐมวัย ปีการศึกษา 2562
ตัวอย่างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และแผนการจัดประสบการณ์ ระดับปฐมวัย ปีการศึกษา 2562
เปิดอ่าน 69,616 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

งานแกะสลักไม้
งานแกะสลักไม้
เปิดอ่าน 168,060 ครั้ง

เคล็ดลับดูแลผมในหน้าร้อน
เคล็ดลับดูแลผมในหน้าร้อน
เปิดอ่าน 9,820 ครั้ง

เฟซบุ๊ก เตรียมเผยการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ วันนี้
เฟซบุ๊ก เตรียมเผยการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ วันนี้
เปิดอ่าน 9,781 ครั้ง

ผลวิจัยการใช้แท็บเล็ตตามกระแส BYOT: Bring Your Own Technology
ผลวิจัยการใช้แท็บเล็ตตามกระแส BYOT: Bring Your Own Technology
เปิดอ่าน 16,500 ครั้ง

Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์  มูลค่าของความสามารถ
Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์ มูลค่าของความสามารถ
เปิดอ่าน 10,173 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ