น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่หลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาได้นั้น ในเรื่องดังกล่าวตนได้กำชับไปยังผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องให้ดำเนินการเรื่องมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 เพื่อลดความเสี่ยงโควิด-19 ในสถานศึกษา พร้อมทั้งให้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบนักเรียน ครู หรือบุคลากรทางการศึกษาหากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ได้มีหน่วยงาน ที่ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในสถานศึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเช่นเดียวกัน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ในสถานการณ์ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างปลอดภัยมากที่สุด
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่าสำหรับการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับนักเรียนอายุระหว่าง 12-18 ปีนั้น ศธ.ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยใช้เวลา 1 เดือนเท่านั้น ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อนุมัติให้นักเรียนที่มีอายุระหว่าง 5-11 ปี สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเป็นวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นเพียงตัวเดียวที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจาก อย.ขณะนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมรายชื่อนักเรียนที่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยรัฐ วันที่ 28 ธันวาคม 2564