[ยื่นหนังสือร้องเรียน ว.23/2563 ต่อ กมธ.]
ตามที่ ดร.สุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. ลงพื้นที่รับฟังปัญหาในการบริหารจัดการศึกษา ซึ่งพบว่าโรงเรียนขาดครู ผู้อำนวยการ ธุรการ และภารโรง ในโรงเรียน สพฐ. จำนวนหลายโรงเรียนมาก มีความเดือดร้อน ต้องใช้เงินผ้าป่าจ้างครู ซึ่งมีอยู่น้อยนิด อีกทั้งไม่สามารถจัดผ้าป่าได้เนื่องจากลูกหลานศิษย์เก่าที่ไปประกอบอาชีพในต่างจังหวัด กทม.และปริมณฑลประสบปัญหาภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ซ้ำร้ายจากสถานการณ์โควิด-19 อีก
โรงเรียนที่ขาด ผอ. จำเป็นที่ครูบางคนซึ่งมีจำนวนน้อยอยู่แล้วต้องรักษาการในตำแหน่งด้วย หรือต้องตั้ง ผอ. อีกโรงเรียนมารักษาการซึ่งสร้างความยากลำบากให้กับ ผอ.รร.อื่นนั้นอย่างมาก ครูเกษียณไม่ได้รับจัดสรรอัตราคืน แม้ได้คืนแต่ล่าช้ามาก อีกทั้งต้องรอครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่นสอบให้ผ่านภาษาอังกฤษก่อน เป็นต้น
ธุรการ ภารโรง เกษียณอายุราชการหรือลาออกถูกเรียกอัตราคืน ธุรการหลายคนถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่รวม 2 โรงเรียนในขณะที่ได้รับเงินเดือนน้อย ต่ำกว่าวุฒิการศึกษาและเงินเดือนออกไม่ตรงเวลา ทำสัญญาทีละ 1-2 เดือน สร้างความเดือดร้อน ทำให้โรงเรียนขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และส่งผลเสียหายต่อคุณภาพ นักเรียนจำนวนมากต้องเสียโอกาส เกิดความเหลื่อมล้ำมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป
จึงเป็นตัวแทนครู ผู้บริหาร บุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง และพ่อแม่พี่น้องประชาชน ยื่นข้อร้องเรียนต่อ คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร (สผ.) ขอให้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวง ศธ. เลขาธิการ กพฐ. เลขาธิการ ก.ค.ศ. ผู้แทน คปร. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ มาปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางเร่งรัด ปลดล็อก ให้มีการจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรให้เป็นไปตามเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ.กำหนด ในว23/2563 นี้ ให้ได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังพบปัญหา อัตราครูและบุคลากร ในโรงเรียนมัธยมศึกษา และการให้ ผอ. รอง ผอ. มีชั่วโมงสอน 5-10 ชม. จึงขอให้มีการพิจารณาทบทวนประเด็นทั้งสองนี้ด้วย รวมทั้ง ในเกณฑ์นี้ไม่มีการกำหนดว่าต้องมีภารโรงเลย จึงขอให้พิจารณาทบทวนด้วย
(ยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564)
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.สุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล