ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

สพฐ. ย้ำไม่ตัดวิชาพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆ ในหลักสูตรการศึกษาใหม่ พร้อมแจงให้ความสำคัญทุกศาสนาเสมอมา


ข่าวการศึกษา 15 ธ.ค. 2564 เวลา 10:38 น. เปิดอ่าน : 5,226 ครั้ง
สพฐ. ย้ำไม่ตัดวิชาพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆ ในหลักสูตรการศึกษาใหม่ พร้อมแจงให้ความสำคัญทุกศาสนาเสมอมา

Advertisement

วันที่ 14 ธันวาคม 2564 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) และโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยถึงกรณีที่มีเสียงสะท้อนจากประชาชนกลุ่มหนึ่ง เกี่ยวกับความกังวลในเรื่องการจัดการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา และศาสนาต่างๆ ว่าจะถูกตัดออกจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ (หลักสูตรฐานสมรรถนะ) นั้น

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ได้ชี้แจงในเรื่องดังกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ได้ตัดวิชาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาต่างๆ ให้หายไปจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ (หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ที่จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2565 แต่อย่างใด ด้วยเพราะ สพฐ. ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา รวมถึงศาสนาต่าง ๆ เสมอมา โดยเน้นย้ำว่านักเรียนทุกคนจำเป็นต้องรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญ และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างสอดคล้องกับแนวคิดพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าผู้เรียนจะสามารถนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเอง เป็นผู้ยึดมั่นในความดี มีค่านิยมที่ดีงาม ให้ความสำคัญต่อต่อสังคมและประโยชน์ส่วนรวม รวมถึงอยู่ร่วมกับผู้อื่นบนความแตกต่างและหลากหลายได้อย่างเป็นปกติสุข

สำหรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดให้นักเรียนทุกคน ต้องเรียนเนื้อหาตามที่กำหนดไว้ในสาระการเรียนรู้แกนกลางให้ครบถ้วนทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยวิชาพระพุทธศาสนาและศาสนาต่าง ๆ ถูกกำหนดเป็นสาระการเรียนรู้แกนกลางในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม และจริยธรรม โดยนักเรียนจะเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและศาสนาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นชั้นปีแรกของการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน (ไม่นับการศึกษาระดับปฐมวัย) จนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 อย่างต่อเนื่อง โดย สพฐ. ไม่เคยยกเลิกสาระการเรียนรู้แกนกลางที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา แต่อย่างใด และได้ให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระในวิชาพระพุทธศาสนาโดยสาระการเรียนรู้แกนกลาง และตัวชี้วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับชั้น ป. 1–6 จำนวน 60 ตัวชี้วัด ระดับชั้น ม. 1–3 จำนวน 49 ตัวชี้วัด และระดับชั้น ม. 4–6 จำนวน 27 ตัวชี้วัด รวมทั้งสิ้น 136 ตัวชี้วัด หากพิจารณาเปรียบเทียบจำนวนตัวชี้วัดกับสาระอื่น ๆ แล้ว พบว่าสาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มีจำนวนตัวชี้วัดมากที่สุด รองลงมาคือ สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ มี 81 ตัวชี้วัด สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม มี 72 ตัวชี้วัด สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์ มี 68 ตัวชี้วัด และ สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ มี 62 ตัวชี้วัด ตามลำดับ เนื่องจาก สพฐ. พิจารณาแล้วเห็นว่าสาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มีเนื้อหาที่นักเรียนจำเป็นต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจในหลายประเด็น การเรียนการสอนจึงต้องมีเนื้อหาที่ลงลึกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความตระหนักและปฏิบัติเป็นศาสนิกชนที่ดีได้ ได้แก่ ความสำคัญของศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ศรัทธาที่ถูกต้อง การยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรม การปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และการธำรงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ

ทั้งนี้ การกำหนดนโยบายของ สพฐ. ที่ให้พระพุทธศาสนา ศาสนาต่าง ๆ ศีลธรรม และจริยธรรม เป็นสาระการเรียนรู้แกนกลาง ส่งผลให้หน่วยงานทางการศึกษาทุกระดับตั้งแต่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานส่วนท้องถิ่น และโรงเรียน ต้องนำสาระการเรียนรู้แกนกลางที่กำหนดไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งสถานศึกษาสามารถจัดทำเป็นหลักสูตรสถานศึกษาโดยกำหนดรหัสวิชา ชื่อวิชา และจำนวนชั่วโมงเรียนได้ตามบริบทของสถานศึกษา แต่ผู้เรียนจะต้องเรียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาให้ครบทุกตัวชี้วัดภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ แม้แต่การจัดหลักสูตรโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย) ที่มุ่งเน้นการพัฒนานักเรียนที่มีความโดดเด่นด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ก็ยังกำหนดให้วิชาพระพุทธศาสนาเป็นวิชาพื้นฐานที่นักเรียนต้องเรียนในทุกภาคเรียนอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยวิชาพระพุทธศาสนา 1 ถึงวิชาพระพุทธศาสนา 6 หรือโรงเรียนกีฬาประจำจังหวัด ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนทางด้านการกีฬา ก็ได้มีการกำหนดเนื้อหาด้านพระพุทธศาสนา ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม ไว้ในโครงสร้างหลักสูตรและกำหนดให้วิชาพระพุทธศาสนาเป็นรายวิชาพื้นฐานที่นักเรียนทุกคนต้องเรียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่านอกเหนือจากโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรทั่วไปจะให้ความสำคัญต่อวิชาพระพุทธศาสนาแล้ว โรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะก็ให้ความสำคัญต่อการจัดรายวิชาพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน สพฐ. ได้กำหนด (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า (ร่าง) กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ (competency-based curriculum) เป็นหลักสูตรที่มีแนวคิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าสามารถช่วยพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนได้ และเป็นกรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาต่าง ๆ รวมถึงพระชั้นผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาในการกำหนดกรอบหลักสูตรและการวิพากษ์หลักสูตร โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญร่วมกันคือการพัฒนาการเรียนการสอนสมรรถนะผู้เรียน และทำให้เกิดการประกันคุณภาพว่า ผู้เรียนทุกคนจะสามารถประสบความสำเร็จได้ตามความถนัด ความชอบ และมีศักยภาพตามรูปแผนของตนเองตามที่สมรรถนะกำหนด

สำหรับ (ร่าง) กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะมีจุดแข็งที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ด้านความรู้ (knowledge) และทักษะ(skill) เท่านั้น ยังไม่ได้เน้นในเรื่องการพัฒนาเจตคติ (attitude) และการให้คุณค่า (value) ต่อสิ่งที่เรียน ไปสู่การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ที่จำเป็นต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ครบถ้วนทั้ง 3 มิติ ได้แก่ มิติด้านความรู้ มิติด้านทักษะ และมิติด้านเจตคติและคุณค่า ได้อย่างเท่าเทียมกันและเป็นหนึ่งเดียวกัน และใช้วิธีการสอนแบบเชิงรุก (active learning) ที่เน้นการปฏิบัติจริง ส่งผลให้ครูจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ ตัวอย่างเช่น จากเดิมการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนาที่นักเรียนจะเน้นการปฏิบัติกิจกรรมในห้องเรียนจะต้องปรับเปลี่ยนมาสู่การเรียนการสอนที่ครูและนักเรียนจำเป็นต้องใช้วัดและศาสนสถานต่าง ๆ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้มากขึ้น นักเรียนจะมีโอกาสได้เข้าวัด มีโอกาสฝึกปฏิบัติตามแนวทางคำสอนของแต่ละศาสนาได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการพัฒนาให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีและเห็นคุณค่าของศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม เป็นไปตามแนวคิดของการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดย สพฐ. ยังคงยืนยันต่อการให้คุณค่าในการเรียนการรู้ด้านศาสนา ศีลธรรม และจริยธรรม ดังนั้น ประเด็นท้าทายสำคัญของการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาเดิมไปสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ จึงไม่ใช่ความพยายามในการลดทอนเนื้อหาสาระการเรียนรู้แต่อย่างใด แต่หากเป็นการแสวงหาแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่จะสามารถช่วยให้นักเรียนเกิดความรัก ความศรัทธา เกิดเจตคติที่ดีและเห็นคุณค่าต่อสิ่งดีงามที่ประเทศไทยมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณค่าของพระพุทธศาสนารวมถึงศาสนาต่าง ๆ ด้วย

“อย่างไรก็ตามทั้งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ที่โรงเรียนส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 ทั่วประเทศใช้ในการจัดการเรียนการสอนอยู่ในปัจจุบัน และ (ร่าง) กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่จะนำไปใช้ในโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จำนวน 265 โรงเรียน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นวิพากษ์ โดย สพฐ. ได้นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่มาร่วมวิพากษ์หลักสูตรด้วยนั้น ทั้งสองหลักสูตรต่างก็เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีจุดมุ่งเน้นในการพัฒนานักเรียนให้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย ให้นักเรียนเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ตามที่กำหนดไว้ในเจตจำนงของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว


อ่านเพิ่มเติมได้จาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

 


สพฐ. ย้ำไม่ตัดวิชาพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆ ในหลักสูตรการศึกษาใหม่ พร้อมแจงให้ความสำคัญทุกศาสนาเสมอมาสพฐ.ย้ำไม่ตัดวิชาพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆในหลักสูตรการศึกษาใหม่พร้อมแจงให้ความสำคัญทุกศาสนาเสมอมา

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ว 15/2567 การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ.

ว 15/2567 การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ.

เปิดอ่าน 2,236 ☕ 28 มิ.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ผ่านการประเมินรับตราพระราชทาน "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย" ปีการศึกษา 2566
ประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ผ่านการประเมินรับตราพระราชทาน "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย" ปีการศึกษา 2566
เปิดอ่าน 13,950 ☕ 28 มิ.ย. 2567

ว 15/2567 การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ.
ว 15/2567 การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ.
เปิดอ่าน 2,236 ☕ 28 มิ.ย. 2567

มาตรการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำน้ำเย็น
มาตรการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำน้ำเย็น
เปิดอ่าน 420 ☕ 28 มิ.ย. 2567

ด่วน สอศ. เปิดรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย 423 อัตรา 56 กลุ่มวิชา รับสมัคร 9-15 กรกฎาคม 2567
ด่วน สอศ. เปิดรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย 423 อัตรา 56 กลุ่มวิชา รับสมัคร 9-15 กรกฎาคม 2567
เปิดอ่าน 3,398 ☕ 28 มิ.ย. 2567

ว 16/2567 แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ว 16/2567 แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 1,339 ☕ 28 มิ.ย. 2567

การกำหนดคุณวุฒิที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้
การกำหนดคุณวุฒิที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้
เปิดอ่าน 850 ☕ 26 มิ.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

หน้าที่และความรับผิดชอบของครู
หน้าที่และความรับผิดชอบของครู
เปิดอ่าน 410,311 ครั้ง

QR CODE คืออะไร
QR CODE คืออะไร
เปิดอ่าน 14,928 ครั้ง

อย่าละเลยอาการไหล่ติด
อย่าละเลยอาการไหล่ติด
เปิดอ่าน 13,898 ครั้ง

นาคเล่นน้ำ
นาคเล่นน้ำ
เปิดอ่าน 14,991 ครั้ง

โนบิ โนบิตะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
โนบิ โนบิตะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
เปิดอ่าน 36,633 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ