การศึกษาไทย ยุค2564 "ครูเป็นทุกอย่าง" อาชีพหมอก็ต้องเป็น นักสำรวจก็ไม่พลาด ทนายความนักสืบก็มี เกษตรกร นักโภชนาการ การเงินพัสดุ ยังมีออาชีพไหนที่ครอบจักรวาลเหมือนอาชีพครู ล่าสุดพอผลตรวจ "ATKนักเรียน" ผิดพลาดมาก็โทษครู
"ครูเป็นทุกอย่าง" ของระบบการศึกษาไทย ในช่วงโควิด โรงเรียนปิด นักเรียนหาย ออนไลน์ก็มีปัญหา ทุกอย่างติดขัดไปหมด ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ทราบว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด
มีบางแนวความคิดบอกว่า โควิดเดี๋ยวก็ผ่านไป เราต้องอยู่กับมันให้ได้ จนกระทั่งบัดนี้ โควิดก็ยังไม่จากไป หลายอย่าง หลายสถานการณ์ กำหนดให้โควิด คือ ปัญหา แล้วก็เป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ จนเวลาผ่านไป มีวัคซีนป้องกันโควิด เข้ามา ปัญหา โควิด หายไปจริงๆ แต่วัคซีนกลายเป็นปัญหาแทน
หลายครั้งการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด เป็นอะไรที่เข้าถึงได้ยาก มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ต้องตรวจบ่อย เพราะผลการตรวจมีระยะเวลาเพียง 72 ชั่วโมง หลังการตรวจ ทุกวันนี้ การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ทำได้ง่าย มีราคาถูก แต่ชุดตรวจ “ATKนักเรียน” ที่ใช้กลับกลายเป็นปัญหาแทน
เป็นเหตุการณ์วกวน เหมือนหนีเสือปะจระเข้ ปัญหาเก่าหายไป ก็มีปัญหาใหม่เข้ามาแทน เหมือนกับสังคมไทย ขาดการวางแผนในการแก้ปัญหาที่ดี ไม่มีการรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนแก้ไข
มีการรายงานผลเกี่ยวกับไวรัสโควิด ทุกวัน ผ่านสื่อทุกระบบ แต่ในทุกวันที่รายงาน ไม่เคยบอกประชาชนว่า จะต้องปฏิบัติอย่างไร มีแต่บอกว่า การ์ดอย่าตก เหมือนกับว่า ถ้าใครป่วยหรือติดเชื้อคนนั้นประมาท การ์ดตก ทำให้ตนเองเป็นผู้ป่วย
การศึกษาไทย ก็เช่นเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมา วนเวียนอยู่กับการปิดเรียนเปิดเรียน บางจังหวัดก็ปิดยาวจนไม่ได้เรียนในโรงเรียนกันเลย บางจังหวัด บางพื้นที่ก็ ปิด เปิด แล้วก็ติด แล้วก็ปิด แล้วก็เปิด วนเวียนอยู่แบบนี้
ระดับผู้บริหารในกระทรวงศึกษาธฺการ(ศธ.) ก็ขยันมอบนโยบาย โรงเรียนยังเปิดเรียนไม่ได้ แต่จะให้เปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษา มันก็น่าคิด สั่งมาแล้วรายงานไป ผลไม่ได้ดังใจก็คาดโทษ บอกว่าถ้าทำไม่ได้จะไปดูด้วยตัวเองถึงพื้นที่ ขยันแถลงข่าวรายวัน แต่เน้นข่าวที่สร้างภาพ
สิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าชมเก็บไว้ ไม่พูด ไม่เอา อ้างแต่หลักการ อ้างแต่ทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยลงพื้นที่ เป็นห่วงทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยลงพื้นที่มาติดตาม เป็นบาปกรรมของการศึกษาไทย อย่างแท้จริง
แม้ว่าที่ผ่านมา โรงเรียนปิดบ้างเปิดบ้าง แต่ปลายทางของการจัดการศึกษา ยังคงอยู่ในระบบเดิม "ครูเป็นทุกอย่าง" บอกให้ครู ลดเวลาเรียน ลดเวลาสอน ลดการบ้าน แต่พอถึงเวลาต้องประเมินผลการเรียนจะเอาครบ จึงปรากฏภาพ นักเรียน ติด 0 ติด ร กันเป็นแถว
ทั้งที่เด็กเหล่านั้นควรเป็นเด็กที่ได้รับการดูแล เพราะขาดโอกาส และไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาออนไลน์ หรือ “เรียนออนไลน์” หรือรูปแบบอื่นที่ครูนำมาทดแทนการเรียนการสอนปกติ แต่เด็กเหล่านั้นกลับถูกลงโทษด้วยผลการเรียน
ครู ก็เช่นกัน โรงเรียนไม่เปิดก็ยังต้องมาทำงานที่โรงเรียนทุกวัน แต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อย วันจันทร์สวมชุดเครื่องแบบสีกากี ห้องเรียนต้องสะอาด บริเวณโรงเรียนต้องสะอาด พร้อมรับการตรวจจากผู้บริหารระดับเขตทุกเวลา
"ครูเป็นทุกอย่าง" สอนก็ยังต้องสอน ออนแอร์ ออนไลน์ ออนแฮนด์ ออนดีมาน ยกเว้นออนไซด์ ไม่มาไม่ได้ มีผลต่อการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี มีผลต่อการประเมินเลื่อนตำแหน่งของครู
ไม่ว่าต้นทางจะเปลี่ยนไปอย่างไร สถานการณ์จะเป็นเช่นไร จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เมื่อถึงเวลาสิ้นปีการศึกษา ทุกอย่างต้องรายงานเป็นตัวเลข นักเรียนต้องมีคะแนน ต้องมีผลสอบ ครูต้องมีผลการปฏิบัติงาน ต้องมีการประเมินเลื่อนตำแหน่ง การประเมินจากหน่วยงานภายนอกยังอยู่ครบ
แล้วแบบนี้จะให้ "ครู" ทำอย่างไร จะให้ "ครูเป็นทุกอย่าง" แบบนี้ต่อไป จะแก้ปัญหาการศึกษาไทยได้หรือ ฝากไว้ให้คิด..
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านิเพิ่มเติมได้จาก คมชัดลึก วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564