รมว.ศึกษาธิการ ลงนาม ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเตรียมการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ พ.ศ.2564 รองรับการผลิตหลักสูตรทุกระบบ
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้เซ็นลงนามในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเตรียมการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ พ.ศ.2564 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้มีการเสนอร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ..เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภา ซึ่งได้กำหนดให้มีสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายอื่น ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการรองรับการประกาศใช้กฎหมายและไม่ทำให้เกิดช่องว่าง ซึ่งอาจจะทำให้การปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับหลักสูตรและการเรียนรู้มีความต่อเนื่องไม่สะดุด หรือได้รับผลกระทบ สามารถจัดตั้งหน่วยงานได้ตรงตามวัตถุประสงค์
เลขาธิการสกศ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ระเบียบฉบับดังกล่าวจะมีคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และกรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (อปท.) ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดยคณะกรรมการฯชุดนี้จะกำหนดแนวทางการเตรียมจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ เพื่อให้ตรงตามเป้าหมายร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ..ที่ให้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ โดยพิจารณาปรับปรุง บทบาท ภารกิจและโครงสร้างของหน่วยงานที่มีอยู่เดิมเป็นลำดับแรกก่อน และผลักดันการทำงานระหว่างหน่วยงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมทดแทนการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ ทั้งนี้หากมีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ก็ให้เสนอความเห็นในการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ได้ตามความเหมาะสม
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันที่ 20 กันยายน 2564