เรื่อง การฉีดวัคซีนให้นักเรียน
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส โคโรน่า 2019 ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ นั้น ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ขอขอบพระคุณในความปรารถนาดีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่มีความห่วงใยในสุขภาพของเด็กและเยาวชนและยังห่วงใยในคุณภาพการศึกษาของชาติ อย่างไรก็ตาม จากสื่อออนไลน์ของไทยรัฐฉบับวันที่ 18กันยายน 2564 และสื่อออนไลน์ BBC NEWS ฉบับวันท่ี 13 กันยายน2564 มีสาระว่า
1. ในต่างประเทศ การฉีดวัคซีนโควิด -19 ใหเด็กอายุ12-15 ปี ยังคงเป็นข้อถกเถียงว่าจะได้ประโยชน์คุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่ หลังรายงานจากคณะกรรมการร่วมด้านวัคซีนและภูมิคุ้มกัน (JCVI) มีมติให้ฉีดวัคซีนให้เด็กอายุระหว่าง 12-15 ปี จำนวน 200,000 คนที่มีโรคประจำตัว แต่ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กช่วงอายุเดียวกันที่มีสุขภาพดี เนื่องจากวิเคราะห์แล้วว่าอาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดีเพราะความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากโรคโควิดในกลุ่มอายุนี้อยู่ในระดับต่ำมากหากเปรียบเทียบกับผลข้างเคียงด้านสุขภาพจากการฉีดวัคซีนในระยะยาวที่อาจจะรุนแรงมากกว่า
2. ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้ออกคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด 19 ที่ได้รับคำรับรองให้ใช้สำหรับเด็กและแนะนำว่าวัยรุนตั้งแต่อายุ 12 ปี ขึ้นไปโดยองค์การอาหารและยาเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้(วันท่ี 7กันยายน 2564) มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นคือวัคซีนชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTechโดยแนะนำให้ฉีดในเด็กวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 16 ปีจนถึงน้อยกว่า 18 ปี ทุกราย แต่สำหรับเด็กอายุ 12ปี จนถึงอายุน้อยกว่า 15 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนในกรณีเป็นผู้ป่วยเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรังเช่น โรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและโรคหลอดเลืด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคเบาหวาน
3.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศรายชื่อสถานศึกษาที่รับการจัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์มทั้งหมด 43 โรงเรียนในพื้นท่ีกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมจำนวนนักเรียน50,479 ราย
4. ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 หรือ ศบค.มีมติเห็นชอบการให้บริการฉีดวัคซีน Pfizer สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปี ขึ้นไปโดยได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง
จากข้อมูลข้อเท็จจริงตามข่าวข้างต้น ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษามีคำถามและข้อเสนอแนะดังนี้
1. วัคซีนที่จะฉีดให้นักเรียนนั้นเป็นวัคซีนอะไรระหว่าง Pfizer กับ ชิโนฟาร์ม เพราะราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯแจ้งว่าให้ใช้วัคซีน Pfizer เท่านั้น แต่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งว่าจัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์มให้นักเรียน 50,479 ราย
2. การฉีดวัคซีนนั้น ศธ กำหนดให้ฉีดให้กับนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปทุกราย แต่ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำว่าการฉีดวัคซีนดังกล่าวสำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12 ปีจนถึงอายุน้อยกว่า 15 ปี ให้ฉีดเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีโรคเรื้อรังเท่านั้น กรณีเช่นนี้ผู้ปกครองควรเชื่อใครระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
3. การฉีดวัคซีนให้เด็กและเยาวชนดังกล่าวนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) มีความเห็นอย่างไรและสนับสนุนให้ดำเนินการได้หรือไม่
4. มีรายงานผลการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศหรือไม่ในเรื่องผลของการฉีดวัคซีนนี้ให้เด็กและเยาวชน
5. เนื่องจาก ศธ มีนโยบายในการฉีดวัคซีน Pfizer สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปี ขึ้นไปทุกรายโดยได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง จึงมีคำถามว่าหากเกิดผลร้ายกับผู้รับวัคซีนดังกล่าว อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
6. การทำความเข้าใจกับผู้ปกครองนักเรียนในเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรน่า 201 9 นั้นควรเป็นภาระของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ควรให้เป็นหน้าท่ีของโรงเรียนหรือครู เพราะ ชมรมฯมีความเชื่อว่าบรรดาครูทั้งประเทศก็ยังขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยแล้วอย่างนี้จะให้ครูไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองในเรื่องที่ตัวเองยังไม่เชื่อมั่นได้อย่างไร
7. หากโรงเรียนใดมีนักเรียนรับวัคซีนจำนวนน้อยมาก ศธ ยังคงอนุญาตให้โรงเรียนดังกล่าวเปิดการเรียนการสอนแบบ Onsite หรือไม่
ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ขอเสนอแนะให้มีการฉีดวัคซีนนี้ให้กับบุตรหลานของบุคลากรด่านหน้าของประเทศเช่นบุตรหลานของ ศบค. บุตรหลานของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงใน ศธ ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยให้บริการฉีดวัคซีนนี้ให้กับบุตรหลานของประชาชนทั่วไป ต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
รัชชัยย์ ศรสุวรรณ
ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษ
18 กันยายน 2564