รมว.ศึกษาธิการ เผย เตรียมถกคณะกรรมการจัดทำร่างหลักสูตรฯ วางแผนขยับนำร่องการใช้หลักสูตรใหม่ หลังพบครูสะท้อนภาระแผนงานสอนช่วงโควิดหนักมาก พร้อมดูรายละเอียดการจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะอย่างรอบด้าน สกัดเอื้อประโยชน์ให้สำนักพิมพ์
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะว่า ขณะนี้ได้วางแผนนำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปใช้ในกรอบเวลา 3 ปี คือ ปีการศึกษา 2565 ศธ.เริ่มใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ สำหรับระดับประถมศึกษา ในโรงเรียนที่มีความพร้อม ปีการศึกษา 2566 หลักสูตรฐานสมรรถนะระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนที่มีความพร้อมและทุกโรงเรียนในระดับประถมศึกษา และปีการศึกษา 2567 ใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะในโรงเรียนทุกโรง ดังนั้นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ได้รับรายงานจากคณะกรรมการจัดทำและพัฒนาร่างหลักหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 (หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ว่าจากเดิมที่มีการนำร่องในโรงเรียนทุกแห่ง แต่เพื่อไม่ให้เป็นเพิ่มภาระสำหรับครูจึงได้ปรับการทดลองหลักสูตรใหม่นำร่องเฉพาะช่วงชั้นแทน
“สำหรับเสียงสะท้อนจากกลุ่มครูที่ยังไม่มีความพร้อมในการเตรียมแผนงานนำร่องการใช้หลักสูตรใหม่ ดิฉันพร้อมยินดีรับฟัง และเข้าใจการเตรียมแผนงานของครูเป็นอย่างดี เนื่องจากครูจะต้องรับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้ครูต้องทำหน้าที่อย่างหนักหลายด้าน ดังนั้นจะมีการขยับแผนทดลองใช้หลักสูตรดังกล่าวในเดือน ก.ย.นี้ออกไปก่อนได้หรือไม่นั้น ดิฉันจะขอหารือกับคณะกรรมการจัดทำและพัฒนาร่างหลักสูตรฯ อีกครั้ง ส่วนประเด็นการปรับปรุงหลักสูตรฐานสมรรถนะในครั้งนี้อาจส่งผลให้สำนักพิมพ์ใดได้รับประโยชน์หรือไม่นั้น ดิฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่จะนำไปทุกประเด็นที่ได้รับเสียงสะท้อนและร้องเรียนมาไปหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดทำหลักสูตรใหม่ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันที่ 23 สิงหาคม 2564