รมว.ศึกษาธิการ แจงผลวิจัยนักเรียนเครียดเรียนออนไลน์ ลั่น ศธ.ลุยแก้ปัญหาแล้ว สั่ง สพฐ.-สอศ. จี้เขตพื้นที่ฯ ติดตามให้ทุกสถานศึกษา ปฏิบัติตามนโยบายลดเวลาเรียนหน้าจอ-ลดการบ้าน-ลดการสอบให้เห็นภาพชัดเจน
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงผลการวิจัยของศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมและผลกระทบจากการเรียนออนไลน์ โดยระบุว่า จำนวนการบ้านมากขึ้น, เด็กมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง, เครียด วิตกกังวล โดยเฉพาะนักเรียนชั้น ป.6 เตรียมศึกษาต่อ ม.1 และ ม.6 เตรียมศึกษาต่อมหาวิทยาลัย เพราะกังวลว่าจะไม่มีโรงเรียนที่ดีรับเข้าเรียน นั้น ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียนออนไลน์แล้ว เช่น มีนโยบายลดภาระผู้เรียน ทั้งสายสามัญศึกษา และอาชีวศึกษา โดยปรับเปลี่ยนตัวชี้วัดให้นักเรียนได้เรียนในสิ่งที่ต้องรู้ ลดเวลาเรียนหน้าจอ, ให้การบ้านเท่าที่จำเป็น โดยครูแต่ละวิชาร่วมบรูณาการในการให้การบ้าน, การวัดประเมินผลเน้นหลักฐานการเรียนรู้ มากกว่าการสอบ, เลิกใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) เป็นองค์ประกอบของผลการตัดสินจบการศึกษาและการเข้าศึกษาต่อทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้รัฐบาล ได้มีมาตรการจ่ายเงินเยียวยานักเรียนทุกคน คนละ 2,000 บาท โดยผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ขณะเดียวกันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สนับสนุนอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์ด้วย เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและผู้ปกครอง
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บีบบังคับให้การศึกษาไทยเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบการศึกษาทางไกล ซึ่งการสอนออนไลน์ เป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องนำมาใช้จัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนในสถานการณ์นี้ ทำให้นักเรียน ครู และผู้ปกครองบางส่วนไม่สามารถปรับเปลี่ยนตนเองได้ทัน ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ ซึ่ง ศธ.ทราบปัญหาเหล่านี้ โดยมีนโยบาย มาตรการและแนวปฏิบัติต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ทุกกลุ่มมาโดยตลอด ซึ่งสถานศึกษาบางแห่งก็ปรับได้เร็ว แต่บางแห่งก็ไม่ปรับตัวจัดตารางสอนออนไลน์เหมือนที่เรียนในโรงเรียน ไม่ลดเวลาเรียน ครูยังให้การบ้านนักเรียนจำนวนมาก ซึ่งดิฉันได้สั่งการไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ให้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ติดตามสถานศึกษาเป็นรายโรงเรียน ได้ปฏิบัติตามนโยบายลดภาระผู้เรียน ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง สพฐ. และ สอศ.ได้ประกาศแนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลที่ยืดหยุ่นในสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้ว โดยหลังจากนี้เวลาเรียนหน้าจอ และการบ้านของนักเรียนต้องลดลงอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งเร็วๆนี้ ดิฉันจะเปิดช่องทางรับฟังปัญหาจากครูโดยตรง เพื่อให้ครูสามารถสะท้อนปัญหาการทำงานที่เกิดขึ้นจริงในบริบทที่แตกต่างกัน โดยกระทรวงศึกษาธิการจะรับไปพัฒนาแนวทางช่วยเหลือให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับแต่ละบริบทต่อไป” น.ส.ตรีนุช กล่าว.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันที่ 23 สิงหาคม 2564