เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิดกรณีสำนักงาน สกสค.อนุมัตินำเงินกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จำนวน 500 ล้านบาท ไปซื้อตั๋วสัญญาจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำไปดำเนินการร่วมทุน ซึ่งจากหลักฐานพบว่าสำนักงานสกสค.มีการโอนเงินให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ ไปให้ก่อนทั้งที่บริษัทยังไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันและต่อมายังมีหลักฐานพบว่ามีการเพิกถอนตั๋วสัญญาแล้วใช้เงินมาสั่งจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คให้กับกรรมการกองทุน ช.พ.ค. ซึ่ง ป.ป.ช.ชี้ว่ามีความผิดตามมาตรา 4 มาตรา 8 มาตรา 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และตามมาตรา 123/1 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 ซึ่งเรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 10 ราย ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงเจ้าหน้าที่ ดังนั้น สกสค.จะต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้การพิจารณาโทษทางวินัยกับอดีตเลขาธิการ สกสค. โดยจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการ สกสค. พิจารณาได้ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ส่วนระดับเจ้าหน้าที่จะใช้กฎหมายของ สกสค.ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ พร้อมกันนี้เรายังได้มีการตั้งคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิดร่วมกับกรมบัญชีกลางเพื่อดำเนินการความผิดทางละเมิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนคดีอาญาจะเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นภายใน 27 ส.ค.นี้
เลขาธิการ สกสค. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังได้ชี้มูลอดีตเลขาธิการ สกสค. ซึ่งได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 2 ครั้ง เพื่อแก้ไขการดำรงตำแหน่งของประธานคณะกรรมการกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จากวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ให้เป็น 6 ปี โดยมีเจตนาเพื่อรองรับกรณีที่ตนเองจะพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. ให้เป็นประธาน ช.พ.ค. โดยที่ไม่ให้เหตุผลรายละเอียดในการขยายเวลาดังกล่าว จึงถือว่ามีเจตนาชัดเจนในการเอื้อตนเองไปเป็นประธาน ซึ่งถือเป็นความผิดเฉพาะตัว โดยจะมีการพิจารณาลงโทษทางวินัย ในการประชุมคณะกรรมการ สกสค.วันที่ 16 ส.ค.นี้ด้วยเช่นกัน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันที่ 16 สิงหาคม 2564