นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ส.ค.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการให้มีมาตรการความปลอดภัยในการรับมือสถานการณ์ COVID-19 ของครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดให้มีการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อ COVID-19 แบบเร่งด่วน จัดเตรียมที่พักคอยสำหรับดูแลช่วยเหลือบุคลากรที่ติดเชื้อ COVID-19 และครอบครัว เพื่อกักตัวดูอาการตามมาตรการ Home Isolation พร้อมช่วยดูแลเรื่องอาหารและการรักษาในเบื้องต้น โดยจะมีสถานที่นำร่องคือ หอพัก สกสค สถาบันพัฒนาครูวัดไร่ขิง สำนักงานพัฒนาสมรรถนะครูฯอาชีวศึกษารามอินทรา และจะจัดส่งถึงมือแพทย์ โดยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถประสานมาได้ที่ ศบค.ศธ. นั้น
ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ส.ค.) ขอขอบพระคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นอย่างยิ่งที่กรุณาใส่ใจห่วงใยผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำองค์กรที่มีภาวะผู้นำและมีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม นายรัชชัยย์ฯยังได้เสนอแนะเพิ่มเติมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเติมดังนี้
1. แจ้งให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทราบถึงแนวทางและวิธีการที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาพึงต้องปฏิบัติหากมีความจำเป็นต้องรับบริการการตรวจค้นหา การรับบริการสถานที่พักคอยและการเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการเผยแพร่แนวทางตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะกรุณาให้บริการช่วยเหลือ
2. ขอความอนุเคราะห์แจ้งวิธีการคืนเงินค่าเทอมหรือเงินบำรุงการศึกษาให้ผู้ปกครองนักเรียน เนื่องจากขณะนี้สถานศึกษาหลายแห่งที่ได้เรียกเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษาและได้นำส่งลงรับเข้าสู่ระบบราชการเป็นเงินรายได้สถานศึกษา โดยหลายโรงเรียนมีความประสงค์จะคืนเงินบำรุงการศึกษาบางส่วน ให้กับผู้ปกครองนักเรียน แต่ยังไม่ทราบแนวทางปฏิบัติว่าจะต้องทำอย่างไร คืนให้ได้หรือไม่
3. ขอความอนุเคราะห์ดำเนินการให้ครูทุกรายได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาด COVID-19 โดย เร็วเนื่องจากหากครูติดเชื้อ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อนักเรียนและระบบการจัดการเรียนการสอนทั้งประเทศ
4. ขอความอนุเคราะห์ปรับลดเวลาเรียนออนไลน์ ให้เป็นแนวทางเดียวกันทุกโรงเรียน เนื่องจากการที่นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ทุกวันทุกวิชา ส่งผลต่อสุขภาพสายตาและสุขภาพจิตของนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง
5. กำหนดแนวทางการพัฒนานักเรียนในระดับอนุบาลและประถมศึกษา เป็นกรณีพิเศษ โดยผลิตและจัดหาสื่อที่เหมาะสม
6. แก้ไขปรับปรุงหลักสูตรและแก้ไขเกณฑ์การจบหลักสูตรของนักเรียนในทุกระดับโดยอาจปรับลดหน่วยการเรียนรู้สำหรับวิชาเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีความจำเป็นต้องลดเวลาเรียนเพื่อถนอมสุขภาพของนักเรียน
7. ประสานกับกระทรวงอุดมศึกษาเพื่อปรับปรุงเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนเข้าสู่สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรและเกณฑ์การจบหลักสูตรที่มีการแก้ไข
“ชมรมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ส.ค.) หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะกรุณารับข้อเสนอแนะดังกล่าวไว้พิจารณา” นายรัชชัยย์ ฯกล่าวในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ส.ค.)