น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ....ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ปัจจุบันประเทศไทยใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เสมือนธรรมนูญการศึกษา เป็นกฎหมายกลางของการศึกษา เพื่อดูแลการจัดการศึกษาของประเทศ ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ทั้งจัดโดยภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าขณะนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ศธ.จึงได้ปฏิรูปการศึกษาไทยโดยร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ปรับแก้ไขและผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ขั้นตอนต่อไปจะนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่การประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในระบบรัฐสภา และจะผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปด้วย
รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนในการจัดการศึกษาในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เน้นพัฒนาให้เด็กมีสมรรถนะในการนำองค์ความรู้ไปปรับใช้กับชีวิต คิดวิเคราะห์ในมุมมองที่แตกต่าง มีความคิดรอบด้าน ในส่วนของครูจะมุ่งเน้นพัฒนาครูให้มีคุณภาพ มีจิตวิญญาณความเป็นครู ขณะเดียวกันยังเร่งรัดปรับปรุงหลักสูตรของ ศธ. โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 พร้อมๆกับจัดอบรมเตรียมความพร้อมให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ในเรื่องของหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยเฉพาะการสอนแบบ Active learning นอกจากนี้ การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้ จะมีความอิสระมากขึ้น เน้นให้สถานศึกษามีความเป็นเอกภาพ เกิดการบูรณาการในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา สามารถจัดการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นและอิสระทางวิชาการ รองรับการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ทั้งยังได้ดำเนินการโครงการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ภายใต้พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.2562 มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว โดยมีโรงเรียนเข้าร่วม 413 แห่งใน 8 จังหวัด ซึ่งขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานออกแบบกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการยิ่งขึ้นด้วย.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยรัฐ วันที่ 7 มิ.ย. 2564