สำหรับใครที่มีงานประจำอยู่แล้วและมีพื้นที่สำหรับทำการเกษตร อยากจะสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วยการเป็นเกษตรกร นอกจากจะมีเมล็ดของพืชผลที่คุณภาพดี การบำรุงเติมปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ ระบบน้ำก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะหากมีระบบน้ำที่ดีจะส่งผลไปถึงตั้งแต่การเริ่มต้นการเตรียมเมล็ด การเติบโตจำนวนของผลิตผลที่จะได้รับ และคุณภาพของพืชผักที่มีความกรอบหวาน ได้ขนาดมาตรฐานด้วย
การวางระบบน้ำเพื่อการเกษตร
เกษตรกรมือใหม่หลายคนยังนึกภาพการออกแบบระบบน้ำ เพื่อการเกษตรยังไม่ออก จึงอยากแนะนำให้สำรวจดูก่อนว่าคุณต้องการที่จะปลูกอะไร และต้องมีการลำเลียงน้ำไปไกลแค่ไหน พืชผักหรือผลไม้ที่คุณปลูกนั้นจะต้องใช้สปริงเกอร์ตัวไหน และสามารถจ่ายน้ำได้ในปริมาณเท่าไหร่ หลังจากนั้นคุณถึงจะคำนวณได้ว่าคุณจะใช้ท่อลำเลียงน้ำแบบย่อย ท่อเมน และปั๊มน้ำเท่าไหร่ถึงจะดีที่สุด บางกรณีหากคุณออกแบบท่อลำเลียงน้ำเล็กเกินไป ก็จะทำให้การจ่ายน้ำนั้นไม่ทั่วถึงต่อพืชผลและมีอายุการใช้งานที่สั้น แต่หากออกแบบให้ใหญ่เกินไปแม้ว่าจะดีต่อกันขยายพื้นที่ในอนาคตก็ตาม แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ว่าจะทำให้เปลืองงบประมาณและมีการใช้น้ำไม่เต็มประสิทธิภาพ
หลักการวางระบบน้ำ
หากคุณมีพื้นที่ในการทำเกษตรกร มากกว่า 1 ไร่ขึ้นไป การจัดการระบบน้ำในสวนจึงเป็นสิ่งสำคัญแม้ว่าอาจจะมีค่าใช้จ่าย ที่ต้องลงทุน มีขั้นตอนที่ยุ่งยากในการติดตั้ง แต่ผลที่คุณจะได้รับนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน และหลักในการเดินระบบน้ำ เพื่อการเกษตรภายในสวน คุณต้องคำนึง ถึงเรื่องต่อไปนี้ด้วย
1. การเลือกขนาดและประเภทของปั๊มน้ำ หลายคนอาจจะเลือกใช้งานจากเครื่องจักรที่ตัวเองมีอยู่แล้วแล้วดัดแปลง หรือบางคนอาจจะใช้ปั๊มน้ำไฟฟ้า แต่สิ่งสำคัญก็คือไม่ว่าคุณจะใช้ปั๊มน้ำประเภทไหน ก็ควรแน่ใจว่าปั๊มน้ำนั้นมีกำลังมากพอที่จะเดินระบบน้ำในสวนได้
2. การเลือกขนาดท่อน้ำ สำหรับการเลือกขนาดท่อน้ำเพื่อการไหลเวียนของน้ำที่มากขึ้นและคงสภาพแรงดันไว้ท่อน้ำหลังนั้นควรจะเป็นท่อขนาดใหญ่ เช่นท่อน้ำ PVC ขนาด 3 นิ้ว ที่มี สามารถส่งน้ำได้ประมาณ 30,000 – 35,000 ลิตรต่อชั่วโมง หรือท่อ PVC ขนาด 2 นิ้ว ที่สามารถส่งน้ำได้ประมาณ 15,000 – 18,000 ลิตรต่อชั่วโมง ฉะนั้นคุณควรเลือกขนาดท่อให้เหมาะสมกับแรงขับของปั๊มน้ำและขนาดของพื้นที่ที่คุณสามารถกระจายน้ำได้
3. การเลือกอุปกรณ์ในการติดตั้งระบบน้ำ หากคุณไม่เลือกวัสดุอุปกรณ์ท่อน้ำหรือการติดตั้งระบบน้ำที่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือว่าท่อน้ำนั้นมีราคาแพง ไปหาคุณศึกษาข้อมูลและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ให้ถูกลักษณะ ก็จะเป็นการลดต้นทุนและมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ท่อน้ำเพื่อการเกษตรนั้นมักจะมีหลายราคาและแตกต่างกันที่คุณภาพ ไปหาเป็นท่อน้ำสำหรับระบบน้ำเพื่อการเกษตรนั้น ควรดูว่าระบบน้ำที่ปั๊มมีแรงดันสูงมากเท่าไหร่จึงควรเลือกใช้ท่อน้ำ หรืออุปกรณ์ที่มีคุณภาพแข็งแรงสามารถรับแรงดันน้ำได้ โดยหลัก ๆ แล้วการใช้ท่อ PVC สำหรับการลำเลียงน้ำเป็นที่นิยมมาก มีเกษตรกรหลายท่านเลือกใช้ท่อ PVC นี้ ในการลำเลียงระบบน้ำเลี้ยงต่อพืชผลของตัวเองเพราะมีความแข็งแรง ไม่ชำรุดง่าย และมีอายุการใช้งานนานหลายปี
4. ลักษณะของการต่อท่อน้ำไปยังบริเวณพื้นที่การเกษตร การออกแบบลำเลียงน้ำไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ควรจะให้มีส่วนที่งอน้อยที่สุดเพราะความโค้งงอของท่อจะสร้างแรงเสียดทาน ทำให้ความแรงของน้ำลดลง และปั๊มน้ำทำงานหนักขึ้น
5. ดูพื้นที่ของสภาพพื้นเป็นหลัก ในการวางระบบท่อน้ำนั้นหากพื้นที่เป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือใกล้เคียง ก็ควรวางท่อน้ำ อยู่กึ่งกลางสวนเพื่อที่จะให้แรงดันน้ำ ดันน้ำส่งต่อไปยังท่อย่อยได้อย่างสม่ำเสมอทั้ง 2 ฝั่งแล้วจึงค่อยใช้ข้อต่อแบบ 4 ทางแยกไปในส่วนย่อยต่อไป
6. ดูหัวสปริงเกอร์หรืออุปกรณ์กระจายน้ำ ถ้าใช้สปริงเกอร์ตัวใหญ่ท่อก็ควรจะเป็นท่อน้ำแบบท่อ PVC หรือหักเป็นอุปกรณ์กระจายน้ำแบบมีสปริงหัวเล็กหรือหัวหยดน้ำก็ควรที่จะใช้ท่อ PE เครื่องหมายต่อการใช้งานมากขึ้น
สำหรับวิธีการดูแลรักษาระบบน้ำ ควรจะให้มีพื้นที่โล่งเสมอ ไม่ควรปล่อยให้อยู่ในพื้นที่รกหรือมีหญ้าปกคลุมขึ้นเต็ม เพราะอาจจะมีสิ่งแปลกปลอม เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงหรือสัตว์ที่อันตรายที่อาจจะกัดหรือเล็ดลอดเข้าไป สร้าวความเสียหายทำให้อุดตันหรือภายในท่อพีวีซีไม่สะอาดได้
บางครั้งคุณอาจจะต้องดูวัสดุการใช้งานทุกอย่างให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการปลูก อย่างเช่น หากคุณต้องการที่จะปลูกพืชระยะยาว หลายคนอาจจะต้องเลือกลงทุนกับวัสดุและอุปกรณ์ที่มีความคงทนแข็งแรง และมีอายุการใช้งานที่มากหน่อย ซึ่งอาจจะมีราคาแพงกว่าหรือว่ามีสเปคเกินกว่าที่จำเป็น การใช้หัวสปริงเกอร์แบบดีหรือท่อ PVC แบบหนาจะช่วยให้มีความทนทานต่อแดดฝนที่มากกว่า โดยที่ท่อ PVC นั้นเป็นวัสดุที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป รวมไปถึงตอนนี้ที่สะดวกกว่านั้นคือการสั่งซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์ที่มีเว็บร้านค้าต่างๆมาวางขายมากมาย เช่น เว็บ hiachet.com และสิ่งที่สำคัญในการติดตั้งคุณไม่ควรจะรีบร้อนเกินไป คุณจะต้องสังเกตดูว่าตัวต่อหรือหัวเชื่อมมีการติดเชื่อมกันอย่างแน่นหนาแล้วหรือไม่ และต้องมีการทดสอบระบบน้ำสักครู่ก่อนจะใช้งานจริง เพื่อเช็คดูให้ดีว่าการติดตั้งระบบน้ำนั้นสมบูรณ์แล้ว
เครดิตภาพ : kasettumkin.com / vlineretail.com / thaigreenagro.com