นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่าตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันตามสื่อต่างๆในเรื่องที่จะมีการยกเลิกความสำคัญที่เคยบัญญัติไว้ใน มาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ว่า “วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง” โดยนักวิชาการบางท่าน เห็นว่า “ถ้าเราระบุไว้ใน พ.ร.บ.ว่าครูเป็นอาชีพชั้นสูงแล้ว “ต่อไปครูเดินไปไหนมาไหนคนที่เห็นต้องไหว้หรือเปล่า” “หรือคนที่มีอาชีพชั้นสูงจะได้นั่งแถวหน้าเวลาไปดูคอนเสิร์ต” “จะมีอาชีพชั้นสูงไปเพื่ออะไร” “อาชีพวิศวะน่าจะเป็นอาชีพชั้นสูงกว่าไหม เพราะทำงานตึกสูงตั้ง 40-50 ชั้น” ฯลฯ นั้น
กรณีนี้ตนขอเรียนและสื่อสารไปถึงบรรดานักวิชาการต่างๆดังกล่าวว่าท่านคงไม่เข้าใจที่มาที่ไปของคำว่าอาชีพชั้นสูงเนื่องจากท่านได้พูดถึงเรื่องคนที่มีอาชีพชั้นสูงจะได้นั่งแถวหน้าเวลาไปดูคอนเสิร์ต หรือ อาชีพวิศวะน่าจะเป็นอาชีพชั้นสูงกว่าไหม เพราะทำงานตึกสูงตั้ง 40-50 ชั้น เป็นต้นและตนเชื่อโดยสนิทใจว่าท่านผู้นั้นไม่เคยประกอบวิชาชีพครู ไม่เคยไปสัมผัสครูที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ไม่เข้าใจวิชาชีพครูที่แท้จริงว่าวิชาชีพครูนั้นต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง
ขอเรียนว่าผู้ที่ศึกษาวิชาชีพครูนั้นจะต้องถูกฝึกทั้งทางวิชาการและจิตวิญญาณให้เตรียมรับมือกับภารกิจในการพัฒนานักเรียนทั้งในเรื่องความฉลาดรู้ ความประพฤติ ความมีคุณธรรม และการแก้ปัญหาต่างๆของนักเรียนเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคม โดยต้องถูกปลูกฝังในเรื่องต่างๆเหล่านี้มากกว่า 4-5 ปี ในสถาบันการผลิตครู จะถูกปลูกฝังให้มีจิตสำนึกที่จะใส่ใจนักเรียนในฐานะพ่อแม่คนที่สองของนักเรียน เกี่ยวกับเรื่องการเป็นวิชาชีพชั้นสูงนั้น ขอเสนอแนะให้ผู้วิจารณ์หาความรู้เพิ่มเติมได้จากงานวิจัยของ สุนทร มูสิกรังสี เรื่อง การศึกษาพฤติกรรมของครูตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู ซี่งงานวิจัยดังกล่าวนั้นได้มีการกล่าวถึงวิชาชีพชั้นสูงตามแนวคิดของนักการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศไทย ดังนี้
1. เป็นวิชาชีพที่ให้บริการแก่สังคม
2. เป็นวิชาชีพที่จะต้องได้เรียนรู้เป็นระยะเวลานานและวิชาต่างๆจะต้องมีหลักการและทฤษฎีที่เชื่อถือได้ซึ่งจะต้องเกิดจากการวิจัย
3. เป็นวิชาชีพที่มีคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณเป็นขอบเขตแห่งความประพฤติ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบอาชีพและป้องกันอันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นกับผู้รับบริการหรือสังคม ในกรณีที่ผู้ประกอบอาชีพเลินเล่อขณะทำการประกอบอาชีพและเป็นแนวปฏิบัติหรือข้อบังคับให้มีการพัฒนาตนเองตลอดเวลา
4. เป็นวิชาชีพที่ใช้ปัญญาอย่างมากในการประกอบอาชีพ จะต้องใช้ความรู้ความสามารถและความรับผิดชอบอย่างสูงต่อวิชาชีพและต่อผู้บริการตลอดเวลา
5. เป็นวิชาชีพที่มีที่มีความอิสระในการประกอบอาชีพ มีอำนาจในการตัดสินใจดำเนินการตามสาระสำคัญแห่งวิชาชีพ ทั้งทางด้านเทคนิควิธีและกระบวนการให้สอดคล้องกันและเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการหรือสังคมได้โดยไม่มีข้อจำกัด
6. เป็นวิชาชีพที่มีฐานะทางสังคมอยู่ในระดับสูง ได้รับค่าตอบแทนในอัตราสูงและมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ
7. เป็นวิชาชีพที่มีสถาบันของตนเองเพื่อควบคุม ส่งเสริม พัฒนา สร้างสรรค์สาระแห่งวิชาชีพ ตลอดจนเกียรติศักดิ์ศรีของวิชาชีพและบุคคลในวิชาชีพ
วิชาชีพครูในฐานะเป็นวิชาชีพชั้นสูงเพราะ
1. วิชาชีพครูมีบริการที่ให้แก่สังคมที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงและจำเป็นที่สังคมจำต้องมีบริการดังกล่าว
2. วิชาชีพครูต้องใช้วิธีการแห่งปัญญาอย่างยิ่งเพราะการสอนเป็นเรื่องของการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ค่านิยมไปสู่เยาวชน
3. ผู้ที่เป็นครูจำต้องได้รับการศึกษาอบรมให้เป็นผู้ที่มีความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอนอย่างลึกซึ้ง มีความรู้กว้างที่จะเข้าใจตนเอง ผู้อื่นและสังคม สิ่งแวดล้อม รู้หลักการและวิธีการสอนรวมทั้งสามารถประยุกต์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติวิชาชีพได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ ระยะเวลาที่ศึกษาเพื่อเตรียมตัวเป็นครูจึงต้องยาวนานพอสมควร อย่างน้อยตบจบปริญญาตรี
4. ครูมีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน มีอิสระและเสรีภาพทางวิชาการในการให้บริการตามมาตรฐานของวิชาชีพ
5. วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพที่มุ่งบริการแก่ผู้อื่นมากกว่าการหาประโยชน์จากผู้รับบริการจึงต้องเป็นวิชาชีพที่มีจรรยาบรรณ
6. วิชาชีพครูมีคุรุสภาเป็นสถาบันวิชาชีพที่เป็นแหล่งกลางในการควบคุมมาตรฐานและส่งเสริมความก้าวหน้าของวิชาชีพ
แนวคิดในเรื่องวิชาชีพชั้นสูงและแนวคิดเรื่องวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง นั้นเป็นแนวคิดที่ได้มาจาก ดร.ก่อ สวัสดิพานิชย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อาจารย์จันทร์ ชุ่มเมืองปักษ์ อาจารย์ยนต์ ชุ่มจิต ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นนักการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ ที่สำคัญคือวิชาชีพใดก็ตามที่มีองค์ประกอบครบตามข้อค้นพบของงานวิจัยเรื่องนี้ก็สามารถยอมรับได้ว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูง
“คุณภาพของครูในปัจจุบันนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าขาดจิตวิญญาณของความเป็นครู โดยเป็นที่น่าเสียดายว่าเรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากคุรุสภาที่บริหารโดยบุคคลที่ไม่เคยเป็นครู ไม่มีจิตวิญญาณครู ได้กำหนดระเบียบอนุญาตให้บุคคลที่ไม่ได้ผ่านการศึกษาอบรมเพื่อที่จะเป็นครู ไม่เคยถูกปลูกฝังทางจิตวิญญาณด้านวิชาชีพครู มาประกอบวิชาชีพครู จึงล้มเหลวในการพัฒนาผู้เรียน จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจขอได้โปรดพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องการวางตัวบุคคลที่จะมาบริหารภารกิจของครูในทุกองค์กรโดยควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบห้าปี มิฉะนั้นก็จะคิดและเสนอแนะอะไรต่างๆนานาตามอำเภอใจของตนเอง ขาดการตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่มีจนทำให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงทางด้านการศึกษาของเยาวชน นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าบุคคลที่ไม่ยอมรับให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงนั้นล้วนแล้วแต่ไม่เคยเป็นครูในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานแม้แต่รายเดียว” นายรัชชัยย์ ฯกล่าวในที่สุด
-------
ขอบคุณข้อมูลจาก นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)