"เสมา2"สานต่อแผนบูรณการการศึกษาจังหวัด
รมช.ศึกษาธิการ พร้อมสานต่อแผนบูรณาการการศึกษาจังหวัดทั่วประเทศ เผย นำร่องโรงเรียน 349 แห่งรุ่นแรก สั่งผอ.รร.เขียนโครงการยกระดับคุณภาพ พร้อมจัดงบให้โครงการละไม่เกิน 4 แสนบาท เดินหน้าทันทีภายในปี 64
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ รักษาการ รมว.ศธ. กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายแผนบูรณาการการศึกษาจังหวัดทั่วประเทศว่า ตนพร้อมสานต่อนโยบายนี้ให้มีความต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้คัดเลือกโรงเรียนจำนวน 349 แห่ง ประกอบด้วย
- โรงเรียนคุณภาพของชุมชนจำนวน 183 แห่ง
- โรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมืองจำนวน 77 แห่ง และ
- โรงเรียนขนาดเล็กที่ดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง (Stand Alone) จำนวน 89 แห่ง
เพื่อเสนอของบประมาณการพัฒนายกระดับคุณภาพการศึกษาในปีงบประมาณ 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ในปี 2564 นี้ตนต้องการคัดเลือกโรงเรียนนำร่องที่สามารถเป็นต้นแบบของโรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง และโรงเรียน Stand Alone แบ่งเป็น 5 ภูมิภาค จำนวนทั้งสิ้น 15 แห่ง
ให้แต่ละโรงเรียนเขียนโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา 1 โครงการเพื่อเสนอของบประมาณปี 2564
ภายใต้กรอบวงเงินโรงเรียนละไม่เกิน 2,000,000 บาท
ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 334 แห่งจะได้รับงบประมาณสนับสนุนโรงเรียนละไม่เกิน 400,000 บาท
“ขอให้ผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 349 แห่ง ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของการขับเคลื่อนแผนการศึกษาจังหวัดจะต้องเขียนโครงการในการยกระดับคุณภาพโรงเรียนมาคนละ 1 โครงการ และส่งเข้ามาให้ศธ.พิจารณา โดยเราจะมีคณะกรรมการคัดเลือกอย่างเหมาะสม แต่หากโครงการไม่ตอบโจทย์ตัวชี้วัดด้านคุณภาพเราก็จะไม่อนุมัติโครงการให้ ซึ่งการให้โรงเรียนคัดเลือกโครงการเพิ่มคุณภาพการศึกษานั้นไม่ใช่เพิ่มด้านกายภาพ แต่ต้องการยกระดับคุณภาพผู้เรียน เช่น โรงเรียนคิดโครงการยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ เป็นต้น ทั้งนี้ เชื่อว่า รมว.ศธ.คนใหม่จะให้ความสำคัญกับแผนการศึกษาจังหวัด เพราะเป็นแผนงานที่ดี” คุณหญิงกัลยา กล่าว
ต่อข้อถามว่า หลายฝ่ายสะท้อนว่าคุณหญิงกัลยาทำงานเกินหน้าที่ของการเป็นรักษาการ รมว.ศธ. คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ตนไม่กังวล ซึ่งอะไรที่เราทำได้ก็ต้องทำไปก่อน โดยตนคงไม่อยู่นิ่งเฉยโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ อีกทั้งแผนการศึกษาจังหวัดก็เป็นแผนงานเดิมที่ต้องเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และตนไม่ได้คิดนโยบายอะไรขึ้นมาใหม่
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564