9 มี.ค.64 - นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการถอดวิชาประวัติศาสตร์ และวิชาหน้าที่พลเมืองที่ปลูกฝังจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมออกจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า เนื้อหาวิชาดังกล่าวยังอยู่ในหลักสูตรปัจจุบันและหลักสูตรฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงอย่างแน่นอน ซึ่งวิชาประวัติศาสตร์จัดเป็นวิชาบังคับกำหนดให้ต้องเรียนทุกระดับชั้นตั้งแต่ป.1 - ม.6 โดย ชั้น ป.1 - ม.3 มีเวลาเรียน 40 ชั่วโมงต่อปี หรือสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ส่วนชั้นม.4-6 มีเวลาเรียน 80 ชั่วโมง ตลอดปีการศึกษา
สำหรับสาระหน้าที่พลเมือง ถือว่าเป็นสาระบังคับเช่นกัน โดยชั้น ป.1-6 จะเรียนรวมกับอีก 3 สาระ รวมเรียกว่าวิชาสังคมศึกษา มีเวลาเรียน 80 ชั่วโมงต่อปี หรือ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง ชั้น ม.1 – 6 อาจจัดแยกเป็นวิชาๆ หรือรวมสาระก็ได้ โดยชั้น ม.1 – 3 มีเวลาเรียนรวมทั้ง 4 สาระ 120 ชั่วโมงต่อปี (3 หน่วยกิต) หรือสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง และ ม.4-6 รวม 3 ปีเรียน 240 ชั่วโมง นอกจาก ที่หลักสูตรกำหนดแล้ว ยังมีนโยบายให้เรียนหน้าที่พลเมืองที่เน้นการปฏิบัติเพิ่มอีกสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง โดยอาจจะบูรณาการไปกับวิชาพื้นฐาน วิชาเพิ่มเติม กิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเนื้อหาการเรียนประวัติศาสตร์จะได้เรียนเรื่องเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ เช่น ข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สำคัญในอดีต สถาบันพระมหากษัตริย์ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย เป็นต้น
“ที่ผ่านมา สพฐ.ได้ส่งเสริมให้ครูจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้ รวมถึงการทำให้การเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนตามนโยบายการอ่าน การเขียน เรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย ของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศธ. ประกอบด้วย โครงการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง Augmented Reality (AR) เพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์รักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ทำการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง ทั้งนี้ยังได้จัดทำคู่มือการใช้สื่อวีดีทัศน์ พร้อม QR Code เพื่อเข้าถึงตัวอย่างเนื้อหาสื่อนวัตกรรมการสอนประวัติศาสตร์อีกด้วย”เลขาฯ กพฐ. กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 9 มีนาคม 2564