เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจ้างงานข้าราชการภายหลังเกษียณอายุ 60 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ดังนี้
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจ้างงานข้าราชการภายหลังเกษียณอายุ 60 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
เรื่องเดิม
1. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้เสนอรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจ้างงานข้าราชการภายหลังเกษียณอายุ 60 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา มาเพื่อดำเนินการ โดยคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า การจ้างงานข้าราชการหลังเกษียณสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ความจำเป็นของภาครัฐ การขาดแคลนบุคลากรบางประเภท ความต้องการบุคลากรให้สอดคล้องกับบริบทของการบริการสาธารณะในอนาคต 2) การเตรียมรับสังคมสูงวัย เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงวัยผู้มีความชำนาญและความสามารถสูงได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และ 3) ความจำเป็นด้านรายได้ที่พอเพียงสำหรับดำรงชีวิตหลังเกษียณ ระบบบำนาญชราภาพของประเทศยังไม่ครอบคลุมประชากรระดับบำนาญไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพและขาดความยั่งยืนทางการคลัง และได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับการชะลอหรือทบทวนการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคมการจ้างงานเพื่อใช้ศักยภาพข้าราชการเกษียณ และการศึกษาเพื่อปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของข้าราชการส่วนท้องถิ่น
2. รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานและข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ข้อเท็จจริง
สำนักงาน ก.พ. ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขานุการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม (กรมเสมียนตรา) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรุงเทพมหานคร
โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ สรุปได้ดังนี้
ข้อเสนอแนะ ผลการพิจารณาศึกษา
1. การชะลอหรือทบทวนการขยายเกษียณอายุราชการตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากประเทศกำลังประสบปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่งผลกระทบที่สำคัญต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนระบบการคลังและงบประมาณรัฐบาล จึงควรใช้จ่ายงบประมาณที่มีจำกัด เพื่อให้เกิดการจ้างงานกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางก่อนเป็นลำดับแรก และเมื่อประเทศสามารถจัดการผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แล้ว จึงสามารถนำมาพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
2. การจ้างงานเพื่อใช้ศักยภาพข้าราชการเกษียณ เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ที่เสนอให้มีการกำหนดทางเลือกที่หลากหลายในการจ้างงานข้าราชการที่เกษียณอายุราชการควบคู่ไปกับมาตรการขยายอายุเกษียณ ทั้งนี้ ให้พิจารณาตามความจำเป็นและความต้องการบุคลากรในแต่ละตำแหน่งหรือสาขา เช่น ตำแหน่งหรือสาขาที่ขาดแคลนกำลังคน ตำแหน่งที่ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยให้พิจารณาจ้างข้าราชการที่เกษียณอายุราชการในรูปแบบอื่น อาทิ การจ้างเหมาบริการ การรับงานไปทำ เป็นต้น
3. การศึกษาเพื่อปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของข้าราชการส่วนท้องถิ่น เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง และจะได้มีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลและแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดรับกันต่อไป
ที่มา สรุปข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี 2 มีนาคม 2564
ครม.ชะลอขยายเกษียณอายุราชการออกไปก่อน เนื่องจากประสบปัญหาโควิดและงบประมาณมีจำกัด
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 คณะรัฐมนตรี รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจ้างงานข้าราชการภายหลังเกษียณอายุ 60 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เห็นว่าชะลอหรือทบทวนการขยายเกษียณอายุราชการตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เนื่องจากประเทศกำลังประสบปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่งผลกระทบที่สำคัญต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนระบบการคลังและงบประมาณรัฐบาล จึงควรใช้จ่ายงบประมาณที่มีจำกัด เพื่อให้เกิดการจ้างงานกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางก่อนเป็นลำดับแรก
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจ้างงานข้าราชการภายหลังเกษียณอายุ 60 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขานุการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม (กรมเสมียนตรา) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรุงเทพมหานคร
โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้
- การชะลอหรือทบทวนการขยายเกษียณอายุราชการตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากประเทศกำลังประสบปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่งผลกระทบที่สำคัญต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนระบบการคลังและงบประมาณรัฐบาล จึงควรใช้จ่ายงบประมาณที่มีจำกัด เพื่อให้เกิดการจ้างงานกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางก่อนเป็นลำดับแรก และเมื่อประเทศสามารถจัดการผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แล้ว จึงสามารถนำมาพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
- การจ้างงานเพื่อใช้ศักยภาพข้าราชการเกษียณ เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ที่เสนอให้มีการกำหนดทางเลือกที่หลากหลายในการจ้างงานข้าราชการที่เกษียณอายุราชการควบคู่ไปกับมาตรการขยายอายุเกษียณ ทั้งนี้ ให้พิจารณาตามความจำเป็นและความต้องการบุคลากรในแต่ละตำแหน่งหรือสาขา เช่น ตำแหน่งหรือสาขาที่ขาดแคลนกำลังคน ตำแหน่งที่ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยให้พิจารณาจ้างข้าราชการที่เกษียณอายุราชการในรูปแบบอื่น อาทิ การจ้างเหมาบริการ การรับงานไปทำ เป็นต้น
- การศึกษาเพื่อปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของข้าราชการส่วนท้องถิ่น เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง และจะได้มีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลและแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดรับกันต่อไป
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ศธ.360 องศา