Advertisement
8 วิธีหนีน้ำมันแพง ใช้รถแบบคนฉลาด
|
ราคาน้ำมันลบสถิติใหม่ เบนซิน 95 ลิตรละ 39.59 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 35.59 บาท ดีเซล ลิตรละ 37.64 บาท … คงซีเรียสพอดูจนรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ ต้องงัดเอาบางมาตรการออกมาต่อกร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดดลงไปล้วงลูกเรื่อง ค่าการกลั่น หรือ รมว.คลัง ที่พยายามเข็น มาตรการหั่นภาษีรถยนต์รุ่นใหม่ ใช้เชื้อเพลิง E85 ล่อใจทั้งผู้ใช้และค่ายผู้ผลิตรถ ให้เร่งแจ้งเกิดโครงการนี้เร็วก่อนกำหนด แต่เอาเข้าจริง ก็ยังแน่ใจไม่ได้ว่า ทั้ง 2 มาตรการที่ว่า จะเท่าทันเหลี่ยมคูเชิงชั้นของพ่อค้าน้ำมัน และค่ายผู้ผลิตรถแค่ไหน ที่แน่ๆ เปรียบเทียบสถิติการใช้น้ำมันในแต่ละวันของคนไทย ระหว่างการใช้เบนซินกับแก๊สโซฮอล์ ช่วง ม.ค.-ธ.ค. 2549
คนไทยใช้เบนซิน 91 วันละ 12.23 ล้านลิตร ใช้เบนซิน 95 วันละ 4.03 ล้านลิตร ใช้แก๊สโซฮอล์ทุกประเภทรวมกัน วันละ 3.50 ล้านลิตร เบ็ดเสร็จ ปี 2549 ไม่รวมน้ำมันดีเซล คนไทยใช้เบนซินและแก๊สโซฮอล์ เฉลี่ยวันละ 19.77 ล้านลิตร เทียบกับช่วง ม.ค.-ธ.ค. 2550 คนไทยใช้เบนซิน 91 วันละ 12.24 ล้านลิตร เบนซิน 95 วันละ 3.03 ล้านลิตร แก๊สโซฮอล์ทุกประเภทอีกวันละ 4.83 ล้านลิตร เท่ากับ ปี 50 คนไทยใช้เบนซินกับแก๊สโซฮอล์เฉลี่ยวันละ 20.10 ล้านลิตร
มาถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ช่วง ม.ค. - มี.ค. 2551 คนไทยใช้เบนซิน 91 ลดลงเหลือเพียงวันละ 10.43 ล้านลิตร ใช้เบนซิน 95 ลดเหลือแค่วันละ 1.68 ล้านลิตร แต่หันไปใช้แก๊สโซฮอล์ เพิ่มขึ้นถึงวันละ 7.50 ล้านลิตร รวมใช้น้ำมัน 3 ประเภท ไตรมาสแรกของปีนี้ เฉลี่ยวันละ 19.61 ล้านลิตร
สังเกตให้ดีจะเห็นว่า การใช้น้ำมันทั้ง 3 ประเภท ใน 3 ช่วงเวลา แม้สัดส่วนการใช้เบนซินโดยรวมลดลง สวนทางกับสัดส่วนการใช้แก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้น แต่อย่าเพิ่งหลงระเริงว่า คนไทยใช้เบนซินน้อยลง สามารถช่วยชาติประหยัดการนำเข้าน้ำมันดิบ เพราะหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า แม้สัดส่วนการใช้เบนซินลดลง แต่เมื่อรวมสัดส่วนการใช้แก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นเข้าไปด้วย เท่ากับระยะ 2-3 ปีมานี้ คนไทยไม่ได้ใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ลดลงในภาพรวม หรือยังคงใช้ในปริมาณเฉลี่ยวันละ 19.61-20.10 ล้านลิตร โดยประมาณ หนำซ้ำราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ ยังถีบตัวสูงขึ้นกว่า 25% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบนำเข้า แพงขึ้นกว่า 50%
รวมความแล้ว ในเมื่อเรายังไม่สามารถลดใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลงได้ แถมยังต้องกัดฟันใช้ในราคาที่แพงกว่าเก่า คงเหลืออีกไม่กี่ทางเลือกที่ทำได้ เช่น เลิกใช้รถยนต์ส่วนตัว หันไปปั่นจักรยาน หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือไม่ก็ต้องหันมาทำความรู้จักกับ เทคนิคขับรถแบบประหยัด
เปิดเว็บไซต์ “ซีเอ็นเอ็น มันนี่ ดอท คอม” มีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับเคล็ดลับการขับรถที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมาฝาก …
ปีเตอร์ วาลเดส ดาพีน่า เจ้าของข้อมูลแนะนำไว้ในเว็บไซต์นี้ว่า ยุคน้ำมันแพงสิ่งแรกที่ผู้ขับรถควรคำนึง ก็คือ ควรเลือกใช้รถให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน ดาพีน่ายกตัวอย่าง ถ้าที่บ้านของคุณมีรถยนต์ให้เลือกใช้มากกว่า 1 คัน เช่น มีรถเก๋งซีดานแบบประหยัด 1 คัน กับรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวี อีก 1 คัน
อย่าได้พยายามคิดประหยัด โดยใช้วิธีเข้าไปนั่งเบียดเสียด แบบจับสมาชิกทั้งบ้าน ยัดกันเข้าไปเหมือนอัดปลากระป๋อง อยู่ในรถเล็กเพียงคันเดียว เพราะการทำเช่นนั้น นอกจากจะทำให้รถคันดังกล่าว ต้องแบกรับน้ำหนักเกินภาระของเครื่องยนต์ ทำให้สิ้นเปลืองการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าปกติ เกิดการสึกหรอเร็วกว่าเดิม ยังทำให้เจ้าของรถต้องควักจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนไปใช้รถแบบเอสยูวี ที่จุคนได้มากกว่า มองแล้วเหมือนจะสิ้นเปลืองกว่า แต่กลับประหยัดกว่า
เติมน้ำมันตามชนิดที่คู่มือการใช้รถแนะนำ เช่น โรงงานผู้ผลิตรถยนต์แนะนำว่า รถคันนั้นสามารถใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 หรือ E20 โดยไม่ทำร้ายเครื่องยนต์ ผู้ขับขี่ก็ไม่ควรเลือกเติมน้ำมันสูตรที่พิเศษหรือแพงกว่า เช่น เบนซิน 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 เพราะรถยนต์ยุคนี้ ส่วนใหญ่มีอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ทันสมัย สามารถปรับสภาพเครื่องยนต์ให้เข้ากับเชื้อเพลิง ที่มีค่าออกเทนต่ำโดยไม่สูญเสียแรงขับเคลื่อน
ดังนั้นการเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทน และราคาสูงเกินความจำเป็น จึงเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ในรถยนต์ที่มีระบบครูซ คอนโทรล (cruise control) หรือวิ่งด้วยอัตราความเร็วที่ประหยัดน้ำมัน
กรณีใช้ขับขี่บนทางราบทั่วไป ในสภาพที่การจราจรไม่ติดขัด เช่น วิ่งทางตรง ระยะไกลในต่างจังหวัด การใช้ระบบครูซ คอนโทรล นอกจากช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่เปลี่ยนแปลงความเร็วโดยไม่จำเป็น ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ยกตัวอย่าง การใช้ระบบครูซ คอนโทรล ที่ความเร็ว 77 ไมล์/ชั่วโมง จะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ระหว่าง 10-15% เป็นต้น
เป็นไปได้ควรขับช้าๆ และวิ่งชิดเลนซ้าย การใช้ความเร็วคงที่สม่ำเสมอ และขับอยู่เลนซ้าย เช่น ขับที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง พิสูจน์แล้วว่า จะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 15-20% เลี่ยงการแตะเบรกอย่างรุนแรง เมื่อไม่ได้ขับรถบนทางหลวง ที่มีการจราจรหนาแน่น ให้ระลึกไว้เสมอว่า การเหยียบเบรกแต่ละครั้ง ควรทำด้วยสัมผัสที่นิ่มนวล เพราะการขับรถอย่างกระโชกโฮกฮาก มักทำให้ต้องแตะเบรกอย่างรุนแรงตามมา นอกจากเสี่ยงอันตราย ยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นอีก 25%
รถที่มีแอร์ควรเปิดแอร์ ไม่ต้องถกเถียงกันอีกแล้วว่า การขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ควรปิดหรือเปิดแอร์ขับกันแน่ ผู้ขับขี่รถส่วนใหญ่เชื่อว่า การขับรถทางไกลในต่างจังหวัด เมื่อปิดแอร์แล้วเปิดกระจกรับลมภายนอกแทน น่าจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
แต่ดาพีน่าบอกว่า ได้มีการพิสูจน์กันแล้ว การใช้รถแบบปิดแอร์ แล้วเปิดกระจกขับกับปิดกระจก แล้วเปิดแอร์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ และการใช้ความเร็ว ยกตัวอย่าง รถที่วิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 65 ไมล์/ชั่วโมง จะปิดหรือเปิดแอร์วิ่ง ก็สิ้นเปลืองแทบไม่ต่างกัน ยกเว้น ใช้ความเร็วเกินกว่า 65 ไมล์/ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าเปิดแอร์วิ่ง จะทำให้สิ้นเปลืองหรือกินน้ำมันมากกว่า
หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด มีการพิสูจน์แล้วว่า การขับรถอ้อมหรือออกไปนอกไกลกว่าเส้นทางเดิม ที่รถติดเล็กน้อยดีกว่าขับอยู่ในเส้นทางที่รถติด แต่ไปได้แบบค่อยๆ ขยับ การขับแบบหลัง นอกจากทำให้หงุดหงิด ยังสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีเกร็ดความรู้ หากทำได้ในระยะยาวจะช่วยประหยัดได้มาก นั่นคือ ทุกครั้งที่เติมน้ำมัน ไม่ควรระบุว่า ขอเติมเต็มถัง แต่ควรกะโดยประมาณว่าเติมเท่าไหร่จึงจะเต็ม หรือเกือบเต็มถัง โดยระบุเป็นจำนวนเงินที่ต้องการเติม เช่น 200, 500 หรือ 1,000 บาท เพราะทุกครั้งที่เติมน้ำมันเต็มถัง นอกจากลิ้นหัวจ่ายน้ำมัน จะถูกตัวเซ็นเซอร์ สั่งปิดโดยอัตโนมัติ ยังมีการส่งน้ำมันที่ค้างในหัวจ่ายส่วนหนึ่ง ซึ่งผ่านการคิดเงินจากมิเตอร์แล้ว ย้อนกลับไปยังตัวปั๊มจ่าย
ฉะนั้นการระบุให้เติมน้ำมันเต็มถัง จึงไม่ต่างกับการที่เจ้าของรถกำลัง บริจาคน้ำมันส่วนที่ค้างอยู่ในท่อจ่าย และถูกคิดเงินแล้ว ส่งคืนให้แก่ผู้ขาย แม้ว่าเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ฟังดูจุกจิกหยุมหยิม แต่ในยุคที่น้ำมัน 1 ลิตร ราคาแพงกว่าข้าวราดแกง 1 จาน ใครจะหาว่าขี้ตืดก็อย่าไปสน ...
ที่มา:หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ
วันที่ 3 พ.ค. 2552
🖼สำหรับคุณครูไว้ใส่เกียรติบัตรสวยและถูก🖼 กรอบป้ายอะคริลิคตั้งโต๊ะ A4 แนวนอน 30x21.5 cm อะคริลิคใส 1 หน้า ทรง L (A4L1P) ในราคา ฿129 คลิกเลย👇👇https://s.shopee.co.th/1qLFIZVf4t?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง เปิดอ่าน 7,157 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,165 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง เปิดอ่าน 8,733 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,162 ครั้ง เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,173 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง เปิดอ่าน 7,167 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,162 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,164 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,161 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,162 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,444 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,155 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,160 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,161 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 19,211 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,163 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,867 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,962 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,034 ครั้ง |
|
|