ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2563
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2563 เมื่อวันอังคารที่ 22 ธันวาคม 2563 โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบ (ร่าง) มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สืบเนื่องจากมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะเดิม ใช้มานานแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ก.ค.ศ. จึงได้วิเคราะห์และพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเป็นต้องปรับปรุงหน้าที่ความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของการจัดการศึกษาในปัจจุบัน รวมถึงระยะเวลาที่กำหนดในคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งและคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะตามมาตรฐานตำแหน่งซึ่งยังมีความเหลื่อมล้ำในความก้าวหน้าระหว่างสายงาน (Career Path) สำหรับการปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จะเป็นการจูงใจให้คนเก่งเข้ามาสู่ระบบการศึกษา และมีความก้าวหน้าในวิชาชีพตามความรู้ ความสามารถจริง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ โดยคุณภาพของครูคือกุญแจสำคัญ โดยมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะที่ปรับปรุงใหม่ มีสาระสำคัญ ดังนี้
มาตรฐานตำแหน่ง
1. กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนด
2. ปรับปรุงคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ส่งเสริมให้ทุกสายงานมีเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพ ทั้งในสายงานของตนเองและสามารถเปลี่ยนตำแหน่งไปสู่สายงานอื่นได้ โดยคำนึงถึงการสั่งสมประสบการณ์ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตำแหน่งอื่น และประโยชน์ต่อการจัดการศึกษา
มาตรฐานวิทยฐานะ
1. มุ่งเน้นให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ รวมทั้งความรู้ ความสามารถ ทักษะด้านภาษาต่างประเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานในยุคปัจจุบัน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
2. ปรับระยะเวลาการให้มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ กำหนดระยะเวลาเป็น 4 ปี เนื่องจากระยะเวลาดังกล่าวมีความเหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถ สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ประกอบกับหลักของวาระการดำรงตำแหน่งกำหนดให้อยู่ในวาระในวาระ 4 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน และการบริหารจัดการ
ทั้งนี้จะสามารถลดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งหรือการดำรงวิทยฐานะจาก 4 ปี เหลือ 3 ปี ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความสามารถทางภาษาต่างประเทศ ซึ่งจะเทียบกับเกณฑ์ผลการทดสอบ CEFR ที่คุรุสภาได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในการประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูฯ
2. เป็นผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ (พื้นที่เกาะ ภูเขาสูง พื้นที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ)
3. เป็นผู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (การได้รับวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น)
4. เป็นผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิอาชีพ จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
นอกจากเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังกล่าวแล้ว ต้องมีผลการประเมินการเลื่อนเงินเดือนระดับดีเด่น 4 รอบการประเมินติดต่อกันด้วย
ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านได้กำหนดบทเฉพาะกาลว่า
1. ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งหรือคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะ ตามมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะเดิมอยู่แล้ว ให้ใช้คุณสมบัติดังกล่าว ได้อีก 1 ครั้ง ภายหลังจากหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรฐานตำแหน่งฯ ใหม่ มีผลบังคับใช้
2. มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะ (เดิม) ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 17 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2548 ให้ใช้เฉพาะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานและเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาอยู่ก่อนวันที่มาตรฐานตำแหน่งฯ ใหม่ใช้บังคับเท่านั้น และหากข้าราชการครูฯ ดังกล่าวมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของตำแหน่งใดในมาตรฐานตำแหน่งเดิมก็ให้มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้นได้เช่นเดิม ทั้งนี้ เมื่อตำแหน่งดังกล่าวว่างลง ให้ยกเลิกมาตรฐานตำแหน่ง และมาตรฐานวิทยฐานะ (เดิม) ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 17 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2548
2. อนุมัติกำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เพิ่มเติม)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขออนุมัติกำหนดกรอบอัตรากำลังของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เพิ่มเติม จำนวน 12 อัตรา จากกรอบอัตรากำลัง ตำแหน่งครู ที่ ก.ค.ศ. อนุมัติไว้เดิมจำนวน 60 อัตรา ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553
ซึ่งต่อมา สพฐ. ได้รายงานผลการดำเนินงานของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย พร้อมทั้งขอกำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เพิ่มเติมแห่งละ 12 อัตรา โดย สพฐ. ได้ชี้แจงเหตุผลว่าภารกิจของครูผู้สอนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมีเพิ่มมากขึ้น และคณะรัฐมนตรี ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 ได้มีมติรับทราบแล้ว
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ก.ค.ศ. จึงอนุมัติการกำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย (เพิ่มเติม) โดยให้ปรับเพิ่มกรอบอัตรากำลังครูผู้สอน แห่งละ 12 อัตรา จากเดิม 60 อัตรา เป็น 72 อัตรา
3. เห็นชอบ การแต่งตั้งอนุกรรมการ ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แจ้งว่า มีอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 3 ราย ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากเกษียณอายุราชการ จึงได้ดำเนินการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด เพื่อเสนอเป็นอนุกรรมการ ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นชอบแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. ดังกล่าว คือ
- นายจรูญ เตชะเจริญกิจ ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ รักษาการหัวหน้าหน่วยศึกษานิเทศก์
- นายอดุลย์ พิมพ์ทอง ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น
นอกจากนี้ได้แต่งตั้ง นายยศพล เวณุโกเศศ ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นอนุกรรมการข้าราชการในสังกัดที่ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ไม่ต่ำกว่าระดับต้น หรือประเภทอำนวยการ ระดับสูง หรือประเภทวิชาการ ไม่ต่ำกว่าระดับเชี่ยวชาญ ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ.วันที่ 22 ธันวาคม 2563