รมว.ศธ.ชงนายกรัฐมนตรี เคลื่อนแผนการศึกษาระดับจังหวัด ชู นโยบายยกระดับรายได้จังหวัดด้วยการศึกษา ปรับโรงเรียนขั้นพื้นฐานส่งเด็กป้อนอาชีวะ มอบซี 11 ศธ.ผู้นำการศึกษาแต่ละจังหวัด
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแผนการจัดการศึกษาระดับจังหวัด เพราะขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำลังวางแผนปรับระบบการศึกษาไทยใหม่ทั้งหมดด้วยการมุ่งเป้าขับเคลื่อนการศึกษาในระดับจังหวัด โดยจะยกระดับรายได้จังหวัดจากการศึกษา ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่เรากำลังวางแนวทางดำเนินการอยู่ โดยเบื้องต้นนายกฯเห็นด้วยกับแนวทางนี้ เนื่องจากตนไม่อยากให้การพัฒนาการศึกษาเหมือนเป็นการตัดเสื้อโหล เพราะบริบทของพื้นที่แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกัน เช่น การลงพื้นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จ.ภูเก็ตเมื่อเร็วๆนี้ทำให้ตนพบว่าจ.ภูเก็ตพึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวถึง 97% แต่ขณะนี้การเรียนการสอนของโรงเรียนในจ.ภูเก็ตกับโรงเรียนในภาคอีสานก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันสอนเนื้อหาเดียวกัน เป็นต้น ดังนั้นต่อจากนี้ไประบบการศึกษาในพื้นที่จะต้องเปลี่ยนใหม่เน้นการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ของจังหวัดตามภาคธุรกิจในพื้นที่
“เรากำลังไล่ยกระดับการศึกษาให้ได้ทุกจังหวัด ซึ่งเบื้องต้นจะมีการนำร่องตัวอย่างการขับเคลื่อนการศึกษาระดับจังหวัดก่อน โดยผมกำลังดูโรงเรียนในพื้นที่ระหว่างโรงเรียนในจังหวัดสมุทรสงครามกับภูเก็ต เพื่อวางแผนปักธงนำร่องการขับเคลื่อนให้ทุกคนเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่าการยกระดับรายได้จังหวัดด้วยการศึกษามีแนวทางอย่างไรบ้าง ซึ่งแผนการดำเนินการในเรื่องนี้จะถูกเชื่อมโยงไปถึงการวางแผนการจัดทำคำของบประมาณปี 2565 ด้วย สำหรับแผนยกระดับจังหวัดด้วยการศึกษานั้นจะเป็นแผนงานที่ผสมผสานการศึกษาทั้งหมดตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐานไปจนถึงอาชีวศึกษา แต่เราจะใช้อาชีวศึกษาเป็นผู้นำขับเคลื่อนหลัก และโรงเรียนทำหน้าที่เป็นตัวป้อนผู้เรียนเข้าสู่สายอาชีพ หรือหากโรงเรียนไหนต้องการจะแยกตัวเองเพื่อเป็นการเรียนเฉพาะสายสามัญโดยตรงก็สามารถคัดแยกโรงเรียนได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่แผนที่จะควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการวางฐานมัธยมศึกษากับอาชีวะด้วย อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนตามแผนงานนี้จะแบ่งผู้บริหารระดับ 11 ศธ.เป็นผู้นำทำงานร่วมกับศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) และทีมงานของผม” รมว.ศธ.กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563